Digital Marketing สำหรับร้านอาหาร แน่นอนว่าอาหารเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับคนเรามากที่สุด แต่การทำ Digital Marketing สำหรับธุรกิจอาหารนั้น เป็นเรื่องแตกต่างออกไปจากธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากรสชาติของอาหาร การจัดจานที่สวยงาม และการบริหารจัดการร้านแล้ว ยังมีอีกเรื่องของการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เพราะหากว่าเราไม่ทำการตลาด แน่นอนว่าจะไม่มีใครรู้จักร้านของเรา หลายคนที่เป็นเจ้าของกิจการในธุรกิจอาหารเริ่มต้น มักมีเงินสำรองเกี่ยวกับการตกแต่งร้าน เงินหมุนเวียนภายในร้าน ค่าจ้างพนักงาน แต่ที่ถูกละเลยมากที่สุดคืองบสำหรับการทำการตลาดนั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงควรมาดูว่า การเริ่มต้นวางแผน Digital Marketing ของร้านอาหาร ต้องทำอะไรบ้าง
ถ้าคุณยังไม่มี Social Media บอกได้เลยว่าคุณกำลังพลาดโอกาสดี ๆ ให้หลุดลอยไป เพราะ Social Media คือหนึ่งในช่องทางเราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง และลูกค้าสามารถมารีวิวร้านเราได้อีกด้วย เมื่อมั่นใจว่าเราบริการดี มีการบริการจัดการที่ดี แน่นอนว่ารีวิว 5 ดาวเต็มคงไม่หนีไปไหนแน่นอน Social Media ที่แนะนำเป็นอย่างยิ่งนั่นคือ Facebook และ Instagram เนื่องจาก Facebook นั้นมีคนไทยใช้เป็นจำนวนมาก เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ส่วน Instagram จะเน้นโชว์รูปภาพและวิดีโอ ซึ่งตอบโจทย์กับธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนของ Google Maps การปักหมุด Location จะช่วยบ่งบอกให้รู้ว่าร้านอาหารของเราอยู่ตรงไหน ในตำแหน่งใด คนที่มาไม่ถูก หรือมาที่ร้านครั้งแรก โลเคชันที่อยู่ใน Google Maps จะช่วยได้มากเลยทีเดียว และอย่าลืมใส่ที่อยู่ในส่วนของ Social Media ด้วยล่ะ
ธุรกิจหลายชนิดมักเมินเฉยกับการสร้างเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านอาหาร ที่มักจะคิดว่ามี Social Media ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งตอบได้เลยว่าไม่จริง หากเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า Social Media เราเช่าเขาอยู่ เขาจะไล่เราออกเมื่อไรก็ได้ อย่างข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้าว่า Facebook ปรับลด Reach จากเพจลง
ผิดกับเว็บไซต์ ซึ่งเป็นบ้านของเราโดยแท้จริง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร ในอนาคต Social Media บางอย่างอาจเสื่อมความนิยมลดลง แต่เว็บไซต์เป็นของเรา เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามต้องการ หากมีโปรโมชัน หรือมีเมนูใหม่ สาขาใหม่ ก็สามารถจัดการในเว็บไซต์ในทันที ทุกครั้งที่คนใช้ Search Engine เพื่อค้นหาร้านอาหารของเรา เว็บไซต์ของร้านอาหารควรจะปรากฏเป็นลำดับแรก
โดยเว็บไซต์นั้นต้องมี Theme ที่ชัดเจน เน้นรูปหรือวิดีโอที่สื่อถึงอาหาร หากมีเมนู หรือโปรโมชันใด ๆ สามารถใส่ได้ทันที และอย่าลืมใส่แผนที่เพื่อให้มาที่ร้านได้อย่างง่าย ๆ อีกด้วย สุดท้ายสร้างเว็บไซต์ที่รองรับมือถือด้วย เพราะในยุคนี้คือยุค Mobile First ที่ใคร ๆ ก็ใช้มือถือเข้าเว็บไซต์เป็นหลัก
ภาพและวิดีโอของอาหารนับว่าเป็นจุดสำคัญที่สุดของการตลาดร้านอาหาร ดังนั้นจึงควรถ่ายรูปหรือวิดีโอให้ออกมาสวยงาม มีเรื่องราว เพื่อดึงดูดคนให้ได้มากที่ที่สุด
ถ้าหากคุณมีงบในการทำการตลาดเพียงพอ อาจจ้างช่างภาพมืออาชีพมาเพื่อถ่ายเมนูอาหารเลยก็ได้ เพราะไหน ๆ ก็ต้องถ่ายภาพสำหรับเมนูในร้านด้วยอยู่แล้ว ถ้ายเพิ่มสำหรับใช้รูปและวิดีโอบน Social Media อาจได้ส่วนลดมากขึ้น และยังได้รูป วิดีโอ ในหลากหลายมุมมากกว่าเดิม
แต่ถ้าคุณมีทักษะในการถ่ายรุป หรือวิดีโออยู่บ้าง สามารถทำเองได้เช่นกัน ซึ่งจะประหยัดกว่าการจ้างช่างภาพให้มาถ่ายให้ แต่อย่าลืมว่า ถ้ารูปหรือวิดีโอไม่สวย เท่ากับลดความน่ากินลงไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ไม่จำเป็นที่จะต้องถ่ายเฉพาะรูปตอนอาหารเสร็จแล้วอย่างเดียว สามารถถ่ายรูปหรือวิดีโอขั้นตอนการทำอาหารด้วยก็ได้ ผสานกับการเล่าเรื่อง จะทำให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ทำความรู้จักก่อนว่า Outbound Marketing และ Inbound Marketing ต่างกันตรงไหน? Outbound Marketing คือเน้นการส่งสื่อโฆษณา ไปหาผู้รับสารผ่านช่องทางอื่น ๆ ซึ่งช่องทางต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็น Social Media, ป้ายโฆษณา ฯลฯ เพื่อดึงดูดให้คนมาที่ร้านของเราให้ได้ ซึ่งการตลาดแบบ Inbound Marketing อาจไม่ตอบโจทย์การทำร้านอาหารมากนัก
ถึงแม่ว่าการตลาดแบบปากต่อปาก หรือการแนะนำจากคนใกล้ชิด จะมีผลมากที่สุดกับการทำธุรกิจร้านอาหารก็ตาม แต่อย่ามองข้ามของการทำตลาดด้วย Influencer โดยเฉพาะในไทยมีเพจแนะนำร้านอาหารเป็นจำนวนมาก หรือเป็นเพจโปรโมชันต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้คนอื่นรู้จักร้านอาหารของคุณได้มากขึ้น
ซึ่งการเลือก Influencer มีหลักการเลือกอยู่ไม่กี่อย่างเช่น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มทำ Digital Marketing สำหรับร้านอาหาร โดยนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น จะรู้เลยว่าธุรกิจร้านอาหารก็ต้องวางแผน Digital Marketing เช่นเดียวกัน
Thanakarn Lertsudwichai x Ourgreenfish