สิ่งที่ต้องทำก่อนเริ่มธุรกิจแน่นอนว่าจะต้องวางแผนทั้งความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ โดยเลือกหยิบใช้วิธีการของ Business Model Canvas ในการบริหารและจัดการธุรกิจสำหรับมืออาชีพ
สำหรับข้อกำจัดต่าง ๆในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องวางแผนให้รอบคอบ โดยทำแผนภาพ Business Model Canvas เพื่อมอง Trend ของธุรกิจรวมทั้งรูปแบบความเป็นไปได้ของช่องทางต่าง ๆ ก่อนที่จะสร้างธุรกิจจริง ๆขึ้นมา โดยการทำแบบจำลองทางธุรกิจ มีความสำคัญในการกำหนดทิศทางและกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สื่อสารกับคนในองค์กรโดยง่าย และสามารถต่อยอดธุรกิจให้เติบโตก้าวกระโดดจากการสื่อสารด้วยแผนภาพ Business Model Canvas เพียงอย่างเดียว
Business Model Canvas แนวทางการทำธุรกิจก่อนอย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะได้ทราบข้อกำหนดและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อมาคำนวณ และวางแผน ตั้งแต่ การประเมินหากลุ่มลูกค้า, คุณค่าที่ผลิตภัณฑ์/บริการ, ช่องทาง, ความสัมพันธ์กับลูกค้า, กระแสรายได้, ทรัพยากรหลัก, กิจกรรมหลัก, พันธมิตรหลัก และโครงสร้างต้นทุน นอกจากนี้สามารถที่จะหาพาร์ทเนอร์มาร่วมธุรกิจที่เหมาะสมง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
แน่นอนว่าการใช้ Business Model Canvas (BMC) สามารถปรับแก้ได้ตลอดตามสถานการณ์ และสามารถตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด และเน้นไปที่การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าเป็นหลัก โดยใช้หลักการวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships—CR)
โดยอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมของลูกค้า แล้วนำมาวิเคราะห์หาความเกี่ยวข้องระหว่าง พฤติกรรมของลูกค้ากับกลยุทธ์ทางการตลาดของเรา เพื่อนำไปจัดการระบบ CRM (Customer Relationship Management) ให้บริษัทสามารถจัดการกระบวนการต่าง ๆ ภายใน เพื่อมานำเสนอสินค้าหรือบริการ แล้วรวมถึงสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและลูกค้าจนทำให้มีฐานลูกค้าที่มั่นคง
Ewebdy ขอแนะนำ ตัวอย่างการนำ Business Model Canvas ไปใช้ในธุรกิจจริง 3 แบรนด์ดังระดับโลก อย่าง... Google, Facebook, Lazada และ LINE แบรนด์ธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีมาที่ผ่านมา ทำให้มีผู้คนให้ความสนใจและใช้งานกันทั่วโลก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในจุดสูงสุด และยังสามารถต่อยอดเพิ่มขึ้นอีกได้อย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์
แน่นอนว่าแต่ละเจ้าได้ใช้โมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกันในแง่ของกลุ่มลูกค้า ซึ่งแบรนด์ธุรกิจมีการ Focus on the business model หรือการโฟกัสแผนภาพทางธุรกิจที่โดดเด่นออกแบบมาก่อนเริ่มทำเพื่อให้มีการใช้งานได้อย่างสะดวก อย่างด้าน การบริการ Google Adsence ที่แบ่งค่าโฆษณาให้กับผเว็บไซต์ ส่วน Lazada ก็มีโมเดลที่เรียกว่า Affiliate คือการเอาสินค้าไปโปรโมทและขายทางเว็บมาเกตเพลส โดยจะมีการให้ Commission % ส่วน LINE ก็มีการแบ่งส่วนแบ่งให้กับคนที่เอา Sticker มาขาย ซึ่งโมเดลธุรกิจของ LINE มีการแบ่งกลุ่มลูกค้า (CS) คล้ายกับ Facebook 3 กลุ่มด้วยกัน นั่นคือ คนทั่วไป ลูกค้าที่เป็นองค์กร และคนที่ต้องการสร้างสติ๊กเกอร์นั่นเอง ซึ่งโดยรวมแล้ว ถือว่าเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ต่อยอดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้ามาใช้งานและถือว่า win-win กันทั้ง 2 ฝ่าย
เห็นแล้วใช่ไหมว่า... การหยิบใช้โมเดลทางธุรกิจเป็นแนวคิดที่สำคัญในการบริหารและจัดการทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงมีแผนที่ชัดเจนและง่ายต่อการจัดการวางแผน นี่แหละ..จึงเป็นสาเหตุทำให้แบรนด์ธุรกิจเหล่านี้ไปต่อได้อย่างมั่นคงระยะยาวนั่นเอง
ติดตามสาระ ข่าวสารต่างๆ จาก ewebdy.com ได้ที่ช่องทาง Facebook และ Line @ewebdy
4 ปัจจัยในการทำ BUSINESS TRANSFORMATION SUCCESS นั้นมีอะไรบ้าง