Digital Blog - Ourgreenfish

6 วิธีหลีกเลี่ยง ความผิดพลาดในการทำ SEO

เขียนโดย สุพัตรา อัมรานนท์ - 28 ส.ค. 2019, 3:00:00

เคยสังเกตหรือไม่ว่าทำไมบทความของคุณถึงไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ของ Google สักที ลองดูว่าคุณได้ทำอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับ SEO หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ย่อมทำผิดพลาดคล้ายๆ กัน แต่ในบทความนี้ เราจะรวบรวมปัญหา ความผิดพลาดในการทำ SEO ที่พบเจอบ่อยที่สุด พร้อมทั้งวิธีหลีกเลี่ยงปัญหาเพื่อให้คุณไม่ทำพลาดในเรื่องเดิมๆ ได้อีก

วิธีเลี่ยง ความผิดพลาดในการทำ SEO

เว็บไซต์ที่เร็วย่อมดีกว่าเสมอ
เนื่องจากปัจจุบันเป็นยุคที่อะไรก็เร่งรีบไปหมด ดังนั้นผู้เข้าชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่จึงต้องการเว็บไซต์ที่มีความรวดเร็วต่อการใช้งานอย่างเสมอ ยิ่งเว็บไซต์ของคุณเร็วมากเท่าไหร่ Google ก็จะให้ความสำคัญต่อเว็บไซต์ของคุณมากยิ่งขึ้น มีเครื่องมือจาก Google หนึ่งตัวที่ช่วยให้ตรวจจับความเร็วของเว็บไซต์ของคุณได้ นั่นก็คือ Google PageSpeed Insights เครื่องมือนี้จะให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่คุณจะต้องปรับปรุงเพื่อเพิ่มความเร็วของหน้าใดหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ แต่ส่วนใหญ่เว็บไซต์ที่ช้า มักจะช้าด้วยรูปภาพที่มีขนาดใหญ่ ทำให้เวลาในการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์ใช้เวลานาน การปรับขนาดของรูปภาพให้เล็กลงสามารถช่วยให้การดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์เร็วขึ้น

เคล็ดลับอีกอย่างคือการใช้แคชเบราว์เซอร์และการบีบอัดไฟล์ zip ซึ่งจะช่วยให้เมื่อผู้เข้าชมที่เคยเข้ามาเว็บไซต์แล้ว เมื่อกลับมายังเว็บไซต์อีกครั้งก็สามารถเปิดเว็บไซต์ได้เร็วเหมือนเดิม ในกรณีที่คุณติดตั้ง Wordpress แนะนำให้ดูปลั๊กอินของเครื่องมือนี้ว่าคุณได้ใช้งานพวกเขาทั้งหมดหรือเปล่า หากตัวไหนไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดการใช้งานไป เพราะการใช้ปลั๊กอินที่น้อยลงก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณดาวน์โหลดได้เร็วขึ้นเช่นกัน

อย่าพยายามใช้คีย์เวิร์ดที่กว้างเกินไป
คีย์เวิร์ดมีความสำคัญต่อการจัดอันดับใน Google เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่ ความผิดพลาดในการทำ SEO มักผิดพลาดเพราะผู้เขียนบทความมักใช้คีย์เวิร์ดที่กว้างเกินไป ดังนั้นถ้าอยากให้การค้นหาดีขึ้น ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่เป็นประโยคยาวหรือมีคีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะช่วยในการค้นหาแล้วมาเจอคุณได้ดีกว่าการใช้คำที่กว้างเกินไป หากยิ่งเจาะจงมากเท่าไหร่การจัดอันดับก็จะสูงมากขึ้น การเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณก็จะมีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน

หัวเรื่องไม่เชิญชวนให้เข้ามาอ่าน
สิ่งที่จะปรากฏอยู่ในหน้าการค้นหาของ Google คือชื่อหัวเรื่องและคำอธิบายบทความ สำหรับชื่อหัวเรื่องเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการจัดอันดับในหน้าการค้นหา วิธีการคือมีการเพิ่มคีย์เวิร์ดสำหรับบทความนั้นเข้าไปที่ชื่อหัวเรื่องและตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อหัวเรื่องของคุณนั้น ไม่ยาวจนเกินไป เพราะหากชื่อยาวเกินไป Google จะทำการตัดชื่อของคุณให้สั้นลงตามที่กำหนด ทำให้ผู้ที่ค้นหามาเจอไม่ได้อ่านชื่อหัวเรื่องของคุณแบบเต็มๆ

ส่วนคำอธิบายบทความไม่ได้เป็นตัวกำหนดการจัดอันดับ แต่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มอัตราการคลิกผ่านของคุณ โดยจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสที่ผู้เข้าชมจะคลิกบนเว็บไซต์ของคุณ หากคุณเขียนคำอธิบายบทความให้น่าสนใจหรือสื่อออกมาให้ผู้เข้าชมทราบว่าเมื่อเข้ามาอ่านบทความแล้วจะได้อะไรกลับไป ใช่สิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่หรือไม่ ยิ่งมีโอกาสที่ผู้ที่จะเข้าชมสามารถคลิกเข้ามาเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่

ละเลยการเขียนเนื้อหาที่ดี
คุณอาจคิดว่าการเขียนบทความของคุณนั้นดีเยี่ยมแล้ว แต่ทำไมยังพบว่าบทความของคุณบางอันยังไม่ดี คุณควรตรวจสอบตามหลักของ SEO ว่าเป็นไปตามหลักหรือเปล่า เช่น บทความของคุณมีเนื้อหาที่เหมาะสมอย่างน้อย 300 คำ เป็นต้น การเขียนบทความที่ดีคือการเขียนบทความที่แตกต่างจากเว็บไซต์อื่น ไม่ซ้ำซ้อนกัน ต้องเป็นบทความที่อ่านง่ายและต้องได้ประโยชน์จากบทความของเว็บไซต์ของคุณด้วย

พลาดการใส่ Call to Action
เมื่อมีผู้เข้าชมเข้ามาในเว็บไซต์ เป้าหมายสำคัญคือทำอย่างไรให้เขาอยู่ในเว็บไซต์ของคุณให้นานที่สุด คุณคงไม่ต้องการให้ผู้เข้าชมกดย้อนกลับไปยังหน้าการค้นหาของ Google เมื่อเข้าอ่านบทความในเว็บไซต์จบแล้ว นี่คือสาเหตุที่ทำให้คุณต้องกระตุ้นให้ผู้เข้าชมคลิกผ่านเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นการมี Call to Action หรือ CTA จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจให้กับผู้เข้าชม เช่น ปุ่มลงชื่อเข้าใช้ สำหรับการรับข่าวสารจากเว็บไซต์ เป็นต้น แต่ในหนึ่งหน้าควรมีปุ่มนี้เพียงหนึ่งปุ่มเท่านั้น เพราะหากมีปุ่มมากกว่าหนึ่งปุ่ม จะทำให้ความน่าเชื่อถือในเว็บไซต์ลดลง นอกจากนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าปุ่ม CTA ของคุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดดเด่นและดึงดูดให้คลิกไปต่อได้

ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ
การใช้งานบนมือถือได้รับความนิยมมากกว่าคอมพิวเตอร์ เนื่องจากว่ามือถือเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 4 ของชีวิตที่ทุกคนต้องมี ดังนั้นการเข้าถึงผ่านมือถือถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ Google จะทำการพิจารณาเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานจากมือถือด้วยเช่นกัน วิธีที่ดีในการทดสอบว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นรองรับการใช้งานบนมือถือหรือไม่นั้น ให้ทดลองใช้เครื่องมือของ Google ก็สามารถช่วยได้ 


นี่คือความผิดพลาดของการทำ SEO ที่พบเจอบ่อย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ จะต้องเคยเจอปัญหาเช่นนี้เหมือนๆ กัน ดังนั้นหากคุณรู้ถึงปัญหาที่พบเจอบ่อยและแก้ไขดักทางไว้ก่อน ก็จะทำให้คุณสามารถทำงานตามหลักของ SEO ได้และเว็บไซต์ของคุณก็จะสามารถไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของ Google ได้อย่างแน่นอน 

ทำไมการ SEARCH จึงสำคัญต่อการทำ DIGITAL MARKETING

 

ที่มา : [1]

Supattra Ammaranon X Ourgreenfish