ทำไมถึงต้องใช้ G Suite ในการดูแลข้อมูลของคุณ เพราะ Phishing ถือเป็นภัยทางอินเทอร์เน็ต เป็นเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้จิตวิทยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มักมาในรูปของอีเมล เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์ เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้เผยข้อมูลความลับ เช่น รหัสผ่านหรือหมายเลขบัตรเครดิต รวมไปถึงหลอกล่อให้เหยื่อกดลิงค์เพื่อที่จะได้ติดตั้ง Malware หรือที่รู้จักว่ามันคือ Virus ลงบนคอมพิวเตอร์โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว
สังเกตง่ายๆ ชื่ออีเมลของผู้ส่งต้องมั่นใจว่ามาจากผู้ให้บริการตัวจริง ถ้าหากเป็นชื่ออีเมลแปลกๆ ดูแล้วไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็ไม่ควรเปิดอีเมลนั้น คนมักจะหลงกลกับการโดนล่อด้วยของ “ฟรี” ถ้าบนเดสก์ท็อปการดูชื่ออีเมลผู้ส่งและตรวจเช็คอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่สำหรับบนมือถืออาจจะยากหน่อย เพราะชื่อผู้ส่งจะถูกย่อเป็นชื่อสั้นๆ ทำให้ลำบากในการดู และมันมักจะปลอมชื่อให้ใกล้เคียงกับผู้บริการตัวจริง ทำให้คนเผลอกดเข้าไป
โดยใช้ระบบ ML (Machine Learning) ทำให้สามารถตรวจจับข้อมูลที่น่าจะเป็นภัยได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยระบบจะตรวจสอบและตั้งสถานะอีเมลโดยอัตโนมัติจากผู้ส่งที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ หรือ อีเมลที่มีไฟล์แนบและต้องใช้รหัสในการเข้าถึงไฟล์ และจะแจ้งเตือนอีเมลที่พยายามปลอมชื่อพนักงาน หรืออีเมลที่มีการใช้โดเมนคล้ายของคุณ โดยจะมีเครื่องหมายอีเมลแจ้งเตือน หรือย้ายไปโฟลเดอร์สแปมโดยอัตโนมัติ จะทำหน้าที่เป็นหน่วยคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นให้กับคุณ
ในหลายๆ องค์กร แน่นอนว่าต้องมีการแชร์และจัดเก็บไฟล์เนื้อหา ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีผู้ดูแลระบบที่คอยทำหน้าที่ควบคุมป้องกันข้อมูลเหล่านี้ไม่ให้รั่วไหลออกไป G Suite จึงได้พัฒนาเกี่ยวกับไดล์ฟทีมด้วยการเพิ่มระบบควบคุมความปลอดภัยใหม่ๆ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องเนื้อหาที่สำคัญได้มากขึ้น โดยใช้การควบคุมการจัดการสิทธิ์ข้อมูล (IRM) ในการเข้าถึงไฟล์ให้กับสมาชิก Team Drives หรือผู้ใช้งานคนอื่นที่อยู่ภายในโดเมนเท่านั้น ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้พิมพ์เอกสาร ดาวน์โหลดงาน และคัดลอกไฟล์
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr. www.blog.google
Aphikiat Techajarupun X Ourgreenfish