Master Blog - Ourgreenfish

8 แนวทางหลักใน การทำ Digital Marketing พร้อมวิธีการใช้งาน

เขียนโดย สุพัตรา อัมรานนท์ - Dec 18, 2019 3:00:00 AM

การทำ Digital Marketing เป็นหนึ่งทางที่มีทางเลือกและมีกลยุทธ์ที่หลากหลายในการทำการตลาด ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้เกิดทางเลือกใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าเมื่อมีทางเลือกใหม่เข้ามาแล้วแนวทางหลักนั้นจะหายไป มันก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำอยู่ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นบทความนี้ ได้รวบรวม 8 แนวทางหลักของการทำDigital Marketingพร้อมวิธีการทำงานของแต่ละแนวทางมาให้ได้ศึกษากัน

แนวทางหลักใน การทำ Digital Marketing

Search Engine Optimization (SEO)
หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของ การทำ Digital Marketing คือการทำให้คอนเทนต์ของคุณไม่ว่าจะเป็นบล็อก, เว็บไซต์, รูปภาพ, วิดีโอ และอื่นๆ สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการธุรกิจของคุณได้ ดังนั้นวิธีที่จะทำให้ลูกค้าเห็นคุณก่อนคนอื่นนั้นคือการขึ้นไปอยู่ในอันดับแรกๆ ของหน้าการค้นหาบนเว็บไซต์ Google หลักการทำ SEO นี่แหละที่จะช่วยคุณได้ หากคุณทำให้ถูกหลักและถูกตามอัลกอริทึมของ Google ถ้าเนื้อหาของคุณทำมาได้ดีและเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลูกค้าของคุณค้นหา เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา คุณก็จะสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับแรกๆ ได้เลย

Search Engine Marketing (SEM)
การทำ Paid Search คือการจ่ายเงินเพื่อให้คอนเทนต์ของคุณขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ของหน้าการค้นหา จะช่วยให้ทุกคนที่เข้ามาค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสามารถเห็นคุณได้ในทันที โดยไม่ต้องพึ่ง Organic เลย แต่อาจจะทำให้คุณต้องลงทุนและเสียค่าใช้จ่ายสูงหน่อย หากคีย์เวิร์ดของคุณที่เลือกมานั้นไม่ใช่คีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาเยอะ อาจจะทำให้เสียเวลาและเสียเงินโดยใช่เหตุ

Content Marketing
Content Marketingเป็นการตลาดที่มีการเลือกไว้อย่างเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมาย คอนเทนต์แต่ละคอนเทนต์ที่ทำออกมาก็จะมีกำหนดไว้แล้วว่าผู้รับนั้นจะเป็นคนกลุ่มไหน ประเภทไหน เพื่อให้สามารถเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างถูกจุด แต่ถ้าหากต้องการทำContent Marketingออกมาให้ดีและเหมาะสม มีวิธีที่ควรทำดังนี้

  1. ค้นหาช่องว่างของคู่แข่งและเติมเต็มช่องว่างนั้น
    นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งของคุณได้ เพราะช่องว่างที่คู่แข่งของคุณนั้นปล่อยไว้อาจเป็นช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นต้องการ 
  2. ใช้ประโยชน์จากข่าวและเทรนด์ในแต่ละช่วง
    ข่าวและเทรนด์ที่น่าสนใจมักมีการอัปเดตอยู่ทุกวัน สามารถหยิบประโยชน์จากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและได้รับความสนใจในช่วงนั้นมาสร้างเป็นคอนเทนต์ หากคุณรู้สึกว่าเรื่องมันซ้ำกับคู่แข่ง คุณก็ลองหยิบยกในมุมมองอื่นมาใช้แทน

Social Media Marketing (SMM)
หลังๆ มานี้ การตลาดบนโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากโซเชียลมีเดียต่างๆ มีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน การเข้าถึงผู้ใช้งานอื่นๆ โดยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจึงเป็นเรื่องง่าย มีหลายๆ ธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับการทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้ หากธุรกิจของคุณต้องการลงทุนด้านโซเชียลมีเดียมากขึ้นแต่ไม่รู้วิธีในการทำหรือการกำหนดงบประมาณ สามารถใช้บริการจากบริษัทที่เป็นเอเจนซีหรือทำด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมคำปรึกษาและการวางแผนการตลาด พร้อมทั้งกำหนดงบประมาณตามแผนในแต่ละเดือนให้คุณได้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้คุณสามารถติดตามการทำงานได้โดยที่คุณไม่ต้องลงมือเองทั้งหมด

Pay-Per-Click Advertising (PPC)
PPC เป็นหนึ่งในกระบวนการของการทำ Search Engine แต่อาจจะรวมถึงการทำ Display Ads การทำ PPC นั้น คุณจะต้องจ่ายเงินสำหรับการคลิกและการแปลงในแต่ละครั้ง อาจจะต้องใช้เวลาในการทดลองดูว่าคำไหนถึงจะเหมาะสม ได้ผลลัพธ์มากที่สุดในขณะที่คุณใช้เงินน้อยที่สุด โดยมีเครื่องมือหนึ่งที่คุณสามารถวัดประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดแต่ละคำได้ ก็คือ Google AdWords เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำ PPC นี่คือ 2 สิ่งที่คุณควรทำ

  1. ตั้งค่าเครื่องมือวัด Conversion ของคุณ
    กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากผู้เข้าชมหลังจากที่พวกเขาพบเจอโฆษณาของคุณ เครื่องมือนี้สามารถวัดประสิทธิภาพของโฆษณาและปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสิ่งที่ผู้เข้าชมต้องการตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้
  2. ใช้ Negative Tracking
    วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ที่ทำการค้นหา ค้นหาคุณเจอจากคีย์เวิร์ดที่มีความคล้ายคลึง แต่อาจจะไม่ใช่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเลย

Affiliate Marketing
การตลาดแบบ Affiliate มีประโยชน์จะคลิกที่ลิงก์ที่เป็น Affiliate เพื่อเข้ามาดูเว็บไซต์ที่ได้ทำการโฆษณาและคุกกี้ที่ใช้เพื่อติดตามผู้ใช้งาน แต่การทำการตลาดแบบนี้คือการใช้นายหน้าหรือตัวแทนในการทำโฆษณา ดังนั้นเมื่อมีผู้ที่คลิกลิงก์โฆษณาใดๆ ก็แล้วแต่ จะมีการเก็บค่าคอมมิชชันด้วยเช่นกัน

Email Marketing
ไม่ว่าใครก็ตามก็คงไม่อยากให้อีเมลที่ส่งไปนั้นไปอยู่ในกล่องอีเมลขยะหรอกถูกไหม? ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้อีเมลของคุณโดนลบทิ้งคือการทำอีเมลที่พวกเขาต้องการได้รับจริงๆ เนื้อหาก็ควรเกี่ยวกับข้องกับธุรกิจของคุณและไม่มากไม่น้อยเกินไป อาจจะ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ การทดสอบ A/B และการให้รางวัลแก่ลูกค้าของคุณคือสิ่งที่สามารถทำได้โดยใช้ประโยชน์จาก Email Marketing มากที่สุด อีเมลหลักที่ควรมีเลยคืออีเมลต้อนรับและแนะนำธุรกิจของคุณ โดยมีทั้งข้อความยินดีต้อนรับและโลโก้ที่แสดงให้เห็นตัวตนของธุรกิจคุณให้มากที่สุด นอกจากช่วยสร้างตัวตนให้ลูกค้าของคุณได้แล้วยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มากขึ้นอีกด้วย 

Automation
ด้วยความเปลี่ยนแปลงไปทุกวันของการตลาดดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การทำงานก็เริ่มใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น โดยเฉพาะการนำ AI เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น สามารถปรับระบบให้เหมาะสมกับการทำงานโดยใช้การวิเคราะห์และการตอบสนองแบบเรียลไทม์ของคีย์เวิร์ดและโฆษณาต่างๆ ที่สร้างขึ้นมา วัดประสิทธิภาพของเนื้อหาที่โพสต์ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น ในทุกวันนี้ การทำงานอัตโนมัติของอีเมล ได้พัฒนาไปไกลกว่าการจัดการรายชื่ออีเมล แต่สามารถทำการโต้ตอบอีเมลกับลูกค้าโดยที่คุณแค่ตั้งค่าในระบบไว้ ไม่จำเป็นต้องมานั่งไล่ตอบเองทั้งระบบ และในอนาคต นี่อาจจะเป็นแนวทางหลักที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำDigital Marketingก็เป็นได้

 

 

ที่มา : [1]

Supattra Ammaranon X Ourgreenfish