สำหรับธุรกิจออนไลน์หรือ E-commerce คงไม่มีใครไม่รู้จักPayment Gatewayรูปแบบการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวก ปลอดภัย ใช้งานง่าย มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งนี่คือปัจจัยหลักของธุรกิจออนไลน์ ลูกค้าจะเลือกใช้ซื้อสินค้าหรือบริการของเรา ไม่ใช่ว่าเขาจะเลือกแค่สินค้าที่เราขายเท่านั้น แต่มองถึงช่องทางการชำระเงินว่าชำระผ่านช่องทางไหนบ้าง สะดวกสำหรับเขาหรือเปล่า โดยธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันนั้น มีการ เลือกใช้ Payment Gateway อย่างแพร่หลายมากขึ้น เพราะสามารถชำระเงินผ่านบัตรได้ทั้งบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมก็จะแตกต่างกันไป รูปแบบของการชำระเงินนี้มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ Bank Payment Gatewayและ 3rd Party Payment Gateway
Bank Payment Gateway คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ที่ชำระผ่านระบบของธนาคารโดยตรง เช่น K Payment ของธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น ข้อดีของรูปแบบนี้คือค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำและมีความน่าเชื่อถือเพราะทำการชำระเงินผ่านธนาคารโดยตรง แต่ข้อเสียอยู่ที่การเปิดใช้งานครั้งแรกมีความยุ่งยาก ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการเปิดใช้งานครั้งแรกสูง
3rd Party Payment Gateway คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ที่ผ่านตัวกลางที่เป็นผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน เช่น Paypal, Omise, iPay88 เป็นต้น เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ต้องทำเรื่องให้ยุ่งยาก ข้อดีของรูปแบบนี้คือติดตั้งค่อนข้างง่าย ทั้งฝ่ายธุรกิจเองและฝ่ายลูกค้า สะดวก รวดเร็ว หากเกิดความผิดพลาดในการซื้อสินค้าก็สามารถคืนเงินให้กับลูกค้าได้เลยทันที ระยะเวลาในการอนุมัติภายใน 1 อาทิตย์ต่างจากรูปแบบแรกที่ต้องรอระยะเวลาอนุมัติถึง 3 - 6 เดือน
ข้อดีของการ เลือกใช้ Payment Gateway
ทางด้านธุรกิจ
ทางด้านลูกค้า
Supattra Ammaranon X Ourgreenfish