Digital Blog - Ourgreenfish

การวางแผนและปรับตัวของธุรกิจในปี 2025

Written by สุริยนต์ นนทารักษ์ | 30 ก.ค. 2024, 6:12:12

ในปี 2025 ธุรกิจจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ ในหลากหลายด้าน การเตรียมตัวและปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะครอบคลุมถึงการวางแผนและปรับตัวในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การตลาด การขาย การให้บริการ การบริหารภายในองค์กร ทั้งเรื่องคน การเงิน และเทคโนโลยี พร้อมตัวอย่างในธุรกิจสุขภาพ B2B และ E-commerce

การตลาด

  1. การใช้เทคโนโลยีการตลาด (MarTech)

    • ธุรกิจต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการตลาด เช่น การใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและพฤติกรรมการซื้อ เพื่อสร้างแคมเปญที่ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น MarTech จะช่วยให้การทำการตลาดมีความแม่นยำและตรงจุดมากขึ้น รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation) ที่จะช่วยลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการแคมเปญต่าง ๆ
  2. การตลาดดิจิทัล

    • การใช้ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ในผลการค้นหา, การใช้ SEM (Search Engine Marketing) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านการโฆษณาบนเครื่องมือค้นหา และการทำการตลาดผ่าน Social Media เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ ธุรกิจควรเน้นการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและเป็นที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดและรักษาความสนใจของลูกค้า

การขาย

  1. การใช้ระบบ CRM

    • การนำระบบ CRM อย่าง HubSpot มาใช้เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ติดตามการขาย และวิเคราะห์ข้อมูลการขายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายได้มากขึ้น ระบบ CRM จะช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามสถานะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างละเอียด ทั้งการติดตามการติดต่อ การส่งอีเมล การประชุม และการเจรจาต่าง ๆ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การขายได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
  2. การขายผ่านช่องทางออนไลน์

    • การเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, Shopee, Lazada, TikTok Shop, และ Line MyShop จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขาย ธุรกิจควรมีเว็บไซต์ที่มีการออกแบบที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการโปรโมทสินค้าและบริการ

การให้บริการ

  1. การให้บริการลูกค้าแบบอัตโนมัติ

    • การใช้ Chatbot และ AI ในการตอบคำถามและแก้ปัญหาของลูกค้าจะช่วยลดภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ระบบ Chatbot สามารถตอบคำถามเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอนาน และสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  2. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

    • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ธุรกิจควรมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวดและเป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น SOC 2, GDPR การมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

การบริหารภายในองค์กร

การบริหารคน

  1. การพัฒนาทักษะพนักงาน

    • การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะพนักงานให้ทันกับเทคโนโลยีและวิธีการทำงานใหม่ ๆ จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย ธุรกิจควรมีโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุมทั้งทักษะทางเทคนิคและทักษะการบริหารจัดการ
  2. การใช้ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HRM)

    • การนำระบบ HRM เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่น การติดตามประสิทธิภาพการทำงานและการพัฒนาพนักงาน ระบบ HRM จะช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวางแผนการพัฒนาทักษะพนักงานได้อย่างตรงจุด

การบริหารการเงิน

  1. การวิเคราะห์ข้อมูลการเงินด้วย AI

    • การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินและการพยากรณ์สถานการณ์ทางการเงินจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนและมีปริมาณมาก ทำให้สามารถเห็นภาพรวมทางการเงินของธุรกิจได้อย่างชัดเจน
  2. การจัดการต้นทุนและการลงทุน

    • การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการเลือกลงทุนในโครงการที่มีโอกาสสูงจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง ธุรกิจควรวางแผนการจัดการต้นทุนและการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างคุ้มค่า

การบริหารเทคโนโลยี

  1. การใช้เทคโนโลยีคลาวด์

    • การย้ายระบบการทำงานไปยังคลาวด์จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการระบบ IT การใช้บริการคลาวด์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลและระบบได้ทุกที่ทุกเวลา
  2. การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์

    • การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกันการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตและการรั่วไหลของข้อมูล เช่น การใช้การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ และการมีแผนรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ตัวอย่างธุรกิจ

ธุรกิจสุขภาพ

  • การใช้ AI ในการวินิจฉัยโรค

    • การใช้ AI ช่วยในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้บริการสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ผลการตรวจเลือด การสแกนภาพทางการแพทย์ และการติดตามอาการของผู้ป่วย ทำให้แพทย์สามารถตัดสินใจในการรักษาได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
  • การตลาดเพื่อสุขภาพ

    • การใช้ข้อมูลการตลาดดิจิทัลเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบริการสุขภาพ เช่น การโฆษณาผ่าน Social Media การใช้ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคลินิกหรือโรงพยาบาลติดอันดับการค้นหาในเครื่องมือค้นหา การส่งอีเมลเพื่อให้ข้อมูลและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ

ธุรกิจ B2B

  • การใช้ CRM ในการบริหารลูกค้า

    • การใช้ระบบ CRM เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและติดตามการขายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและรักษาลูกค้าเดิม ระบบ CRM จะช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามการติดต่อกับลูกค้าแต่ละรายได้อย่างละเอียด รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับปรุงการให้บริการและการขาย
  • การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย

    • การใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้า B2B จะช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์การขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลการขายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญการขาย การจัดการสต็อกสินค้า และการวางแผนการตลาด

ธุรกิจ E-commerce

  • การเพิ่มช่องทางการขาย

    • การเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ เช่น Marketplace และ Social Commerce จะช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า ธุรกิจควรมีการปรับปรุงเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้สามารถใช้งานได้ง่ายและมีความน่าสนใจ รวมถึงการใช้เทคนิคการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึง
  • การใช้การตลาดแบบเฉพาะบุคคล

    • การใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การส่งอีเมลที่มีเนื้อหาตรงตามความสนใจของผู้รับ และการโฆษณาผ่าน Social Media ที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างแม่นยำ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและความพึงพอใจของลูกค้า

ด้วยการวางแผนและปรับตัวตามแนวทางที่กล่าวมานี้ ธุรกิจจะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในปี 2025 อย่างมั่นคงและยั่งยืน

อ่านบทความเพิ่มเติม : Thailand 4.0 คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Digital Marketing อย่างไร