ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ามีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ช่องทางออนไลน์เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญทางการตลาด ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้สื่อออนไลน์เราสามารถ Track ข้อมูลเพื่อวัดผลได้ซึ่ง CTR คืออะไร ก็เป็น 1 ใน KPI ที่ใช้วัดคุณภาพ
CTR ย่อมาจากคำว่า Click Through Rate คือ อัตราส่วนที่บ่งบอกว่าผู้เข้าชมมีการคลิกโฆษณาของเราบ่อยครั้งแค่ไหน ซึ่งใน Google Display Network (GDN) จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆคือ Search Campaign กับ Display Campaign แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้ CTR ในการวัดเกี่ยวกับ Search Campaign เพราะจะได้รู้ว่า Keywords ที่เราใช้ในการทำ Search นั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพื่อนำข้อมูลมาปรับคีย์เวิร์ดให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการคลิกให้มากขึ้น ซึ่งจะสัมพันกับ Text Ad เช่น คุณมีคีย์เวิร์ดที่ตรงกับคำค้นหาก็จริง แต่ไม่ได้ความว่าเขาจะคลิก ถ้าหาก Text Ad ไม่เชิญชวนให้คลิก
ทำไมคุณถึงต้องรู้เกี่ยวกับ คำศัพท์ Digital Marketing ก่อนที่จะทำการตลาดออนไลน์
ตัวอย่างเช่น การค้นหารุ่นรถ ราคา ธรรมดาทั่วไป จะไม่น่าสนใจเท่ากับ Text ที่มีคำว่าโปรโมชั่น หรือ ดาวน์ 0 % จะทำให้มีโอกาสถูกคลิกมากกว่าการแค่เขียนรุ่นรถแบบ Generic ทั่วไปนั่นเอง
สำหรับบางคนอาจจะทำในส่วนของ Display Campaign แต่เมื่อดูแล้วทำไม CTR ถึงน้อย เป็นเพราะว่า Display จะโชว์ทุกเว็บไซต์ที่ Google เป็นพาร์ทเนอร์อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่คนจะคลิกมันก็ต้องน้อยกว่าการค้นหาอยู่แล้ว (ซึ่ง CTR ก็สามารถบอกเราได้เหมือนกันว่าเราควรปรับกลุ่มเป้าหมาย) แต่การที่คลิกน้อย CTR ต่ำไม่ได้หมายความว่าไม่ดีแต่มันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเราว่าจะใช้ไปในทางแนวไหน เช่น สร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักก็ทำได้
ถ้าหากแคมเปญของคุณมีค่า CTR มีเปอร์เซ็นต์ที่สูง นั่นก็หมายความว่าโฆษณาของคุณเป็นที่น่าสนใจ แต่ในทางกลับกันถ้าค่า CTR มีเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำก็คือ โฆษณาของคุณไม่น่าสนใจนั่นเอง ดังนั้นการจะทำให้ CTR มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น หรือ ทำให้คนสนใจคลิกลงบนโฆษณาของคุณมากขึ้น ขึ้นอยู่กับ
1. ในส่วนของ Search ควรปรับคีย์เวิร์ดให้ตรงกับคำที่คนจะใช้ในการค้นหามากยิ่งขึ้น (ซึ่งบางคำอาจจะมีคู่แข่งเยอะก็ต้องแข่งกันในเรื่องของราคาอีกด้วย) แต่มีสิ่งที่ช่วยลดต้นทุนในการโฆษณา คือ การทำ Content Marketing
2. การปรับภาพ หรือ ข้อความบน Display Ads ที่ทำให้คนดู หรือ อ่านแล้วเกิดความสนใจในการที่อยากจะคลิกเข้ามาดู
3. ปรับ Target Audience การปรับเลือกกลุ่มเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นที่น่าจะมีความสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำอยู่ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เขาคลิก เช่น ถ้าหากคุณทำโฆษณาเกี่ยวกับรถยนต์ แต่ไปโฆษณาบนเว็บไซต์ขายน้ำยาปรับผ้านุ่มซึ่งมันคนละประเภทกัน ก็จะทำให้โอกาสที่จะมีการคลิกนั้นน้อยลงนั่นเอง
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Aphikiat Techajarupun X Ourgrrenfish