อย่างที่รู้กันดีว่าInstagramกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับอุปกรณ์พกพา พร้อมทั้งคอนเทนต์ต่างๆ ที่อยู่ในแพลตฟอร์มนี้มีทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอ ทำให้ฐานผู้ใช้งานเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้ การแข่งขันกันทำการตลาดผ่านอินสตาแกรมนั้น มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นลองมาเริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ในการทำการตลาดและ วางแผนคอนเทนต์ Instagram กันดูดีว่าว่าทำอย่างไรและมีวิธีทำอย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่แล้ว แต่ละธุรกิจมักมีการ วางแผนคอนเทนต์ Instagram ล่วงหน้ากันเป็นเรื่องปกติ อาจมีการวางแผนยาว 3 เดือน 6 เดือน เพื่อได้รู้ล่วงหน้าว่าควรจะการตลาดอย่างไรและคอนเทนต์ที่จะโพสต์ในอินสตาแกรมนั้นควรจะคอนเทนต์อะไรบ้าง โดยเฉลี่ยแต่ละธุรกิจมักจะมีการวางแผนโพสต์ทุกวันเพื่อให้เห็นความ Active ของบัญชีธุรกิจของคุณตลอดเวลา การวางแผนอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่จะช่วยให้คุณสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของคุณเข้ามาได้แน่นอน คุณสามารถใช้เครื่องมือลงคอนเทนต์ล่วงหน้าอย่าง Creator Studio ของ Facebook สำหรับการกำหนดเวลาโพสต์ในอินสตาแกรมได้ อาจทำให้คอนเทนต์ของคุณนั้นเป็นระบบและเข้าถึงผู้ใช้งานในช่วงเวลานั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
Hashtags คือผู้ช่วยที่ดีที่ช่วยให้การเข้าถึงผู้ใช้งานของคุณนั้นเกิดผลดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาคุณเจอบนแพลตฟอร์มนี้แล้ว ยังสามารถทำให้คุณเป็นไวรัลบนแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นกัน โดย Hashtags มีด้วยกัน 3 ประเภทที่นิยมใช้กัน ดังนี้
โดยคุณสามารถเพิ่ม Hashtags ได้สูงสุด 30 คำต่อ 1 โพสต์ แต่ถ้าอยากให้โพสต์มีประสิทธิภาพที่ดี ใส่เฉพาะที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณดีกว่า
ปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมคือช่วงเวลาในการโพสต์ ดังนั้นคุณควรศึกษาว่าช่วงเวลาของแต่ละวันนั้น ช่วงเวลาไหนที่จะมีผู้เข้ามาใช้งานเยอะและสมควรแก่การโพสต์คอนเทนต์ของคุณ และนี่คือเวลาที่ได้รวบรวมมาว่าคือเวลาที่เหมาะสมกับการโพสต์ตามข้อมูลจาก SproutSocial มาฝากกัน
เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการโพสต์ คือวันพุธเวลา 11 โมงและวันศุกร์เวลา 10 โมง ถึง 5 ทุ่ม
เวลาที่ดีสำหรับการมี Engagement ที่ดี คือวันอังคารถึงวันศุกร์ เวลา 10 โมง ถึง บ่าย 3 โมง
เวลาที่เลวร้ายและมี Engagement ที่ต่ำ คือ วันอาทิตย์ ช่วงเวลา 5 ทุ่ม ถึงบ่าย 3 โมง
ดังนั้น หากคุณโพสต์คอนเทนต์ตามช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานเยอะๆ ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะได้เห็นคอนเทนต์ของคุณและสามารถเปลี่ยน Engagement ที่ต่ำอยู่ให้ดีขึ้นมาได้
ท้ายที่สุดของการวางแผนคือการตรวจวัดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำการตลาดในครั้งนี้ คุณต้องมีการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญคอนเทนต์และโพสต์แต่ละรายการของคุณ เพื่อดูว่าการทำแคมเปญนี้เป็นไปได้ดีหรือมีส่วนใดที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอนาคต โดยตัวชี้วัดที่คุณสามารถติดตามได้มีดังต่อไปนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นจากผู้ที่เห็นโพสต์อาจทำให้คุณสามารถเช็คดูได้ว่าโพสต์ของคุณนั้นได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ดี จากการแสดงความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน คุณอาจนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขหรือโพสต์ไหนที่มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในด้านดีเยอะมากที่สุดก็จะทำให้รู้ว่าโพสต์แนวนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งาน
Engagement Rate
คุณสามารถค้นหา Engagement Rate ของโพสต์ได้จากจำนวนไลค์ จำนวนคอนเมนต์และจำนวนผู้ติดตามทั้งหมด
Reach
คุณสามารถดูจำนวนของ Reach ได้ที่ Instagram Insight ซึ่งในหน้านี้จะแสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ที่เห็นโพสต์ของคุณทั้งหมด ในส่วนนี้จะไม่เหมือนการแสดงผลแบบ Impression เพราะต่อให้คุณเห็นโพสต์นี้หลายครั้ง ก็จะยังนับว่าเห็นเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยให้การวัดผลมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย
Shoppable Links
สุดท้ายนี้หากคุณใช้ Shoppable Links ในการโปรโมตคอนเทนต์ของคุณ คุณจะทราบว่าสินค้าของคุณนั้นมีคนซื้อไปจำนวนเท่าใด แต่ก่อนที่จะทำอย่างนั้นได้ บัญชีธุรกิจของคุณจะต้องได้รับการยอมรับให้สามารถแปะลิงก์ดังกล่าวนี้ก่อน
การวางแผนคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จสำหรับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่างInstagramนั้น หากคุณปฏิบัติตาม 4 เคล็ดลับนี้ จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่ม Reach และ Conversions บนแพลตฟอร์มนี้ได้มากขึ้น ดังนั้นตรวจสอบบัญชีของคุณให้ดีว่ามีการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกโซเชียลมีเดียนี้แล้วหรือยัง...
ที่มา : [1]
Supattra Ammaranon X Ourgreenfish