เริ่มโฆษณาออนไลน์ หลายคนอาจต้องตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นจากแพลตฟอร์มไหนก่อน ในโลกของ Digital Marketing นั้น ช่องทางการโฆษณามีมากมายหลากหลายมาก แต่ในประเทศไทยนั้น ช่องทางออนไลน์ยอดนิยมมากที่สุดนั่นคือ Facebook Ads และ Google Ads แต่ก็ยังคงสร้างความสับสนอยู่ดีว่า โฆษณาที่ไหนดีถึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Google Ads เหมาะกับใคร
Google Ads สามารถโฆษณาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Paid Search, GDN, Video, Shopping Ads และ Universal App แต่ในที่นี้เราจะเขียนถึง Paid Search, GDN และ Video เท่านั้น
- Paid Search
ข้อดีของ Paid Search คือมีส่วนช่วยเร่งตัดสินใจกับคนเห็นโฆษณาได้มาก มีอัตราการคลิก และ Conversion ค่อนข้างสูง เนื่องจากตอบโจทย์ค้นปุ๊บ เจอโฆษณาที่เราต้องการทันที ต่างจากโฆษณาแบบอื่นที่จะเป็นการส่งโฆษณาออกไปยังหาคนที่มีแนวโน้มที่จะชื่นชอบสินค้านั้น ๆ แต่ก็มีข้อด้อยอยู่นั่นคือ ไม่เหมาะกับการทำ Branding สินค้า เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดการ Awareness มากนัก เพราะคนค้นหาต่อวันมีจำกัด
- GDN
เป็นลักษณะของแบนเนอร์ที่ส่งไปยังตาม YouTube เว็บไซต์ แอพพลิเคชัน ต่าง ๆ แน่นอนว่าควรจะต้องมีเว็บไซต์เป็นหน้า Landing Page ช่วยก่อให้เกิด Awareness ได้ดี รวมไปถึงช่วยเพิ่มทราฟิกให้เว็บไซต์ แน่นอนว่าเรานำมาปรับใช้ได้มากเช่น สำหรับการกรอกแบบฟอร์มเพื่อติดต่อกลับ ทำแบรนด์ดิ้งสินค้า หรือต้องการให้คนสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ก็ได้
- Video
แน่นอนว่าการโฆษณาแบบ Video ค่อนข้างยอดนิยม และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งช่วยให้เกิด Awareness มากที่สุด อีกทั้งเรายังดัดแปลงรูปแบบของวิดีโอ วิธีการเล่าเรื่องเป็นไปได้ตามที่เราต้องการ สามารถทำให้เห็นภาพมากกว่าโฆษณารูปแบบอื่น ๆ แต่ก็แน่นอนว่าค่าโปรดักชันในการทำวิดีโอก็ย่อมสูงกว่าโฆษณารูปแบบอื่น
โฆษณาบน Facebook เหมาะกับใคร
Facebook เรียกได้ว่าเป็นโฆษณาที่สามารถทำได้รูปแบบหลากหลายเลยทีเดียว ทาง Ourgreenfish จึงได้แบ่งออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย
- เน้น Engagement และ Video View
แบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับการทำแบรนดิ้ง เพราะจะช่วยทำให้เกิดการมีส่วนร่วมสูง นำไปปรับใช้ได้หลายอย่างตั้งแต่โพสต์ขายของทั่วไป การทำควิซถามตอบ กิจกรรมแจกรางวัล รวมไปถึงการให้ดูวิดีโอต่าง ๆ
- เน้น Traffic เข้าเว็บไซต์
อันนี้สามารถทำได้หลากหลายมาก โดยเฉพาะการให้เข้าไปในเว็บไซต์ เช่น Link Click, Conversion เป็นการวัดผลได้จริง เหมาะสำหรับการสั่งซื้อสินค้า ลงทะเบียนสมัครสมาชิก ดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์
- Lead Generation
สำหรับการลงทะเบียนเพื่อให้ติดต่อกลับ เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีหน้าเว็บไซต์ แต่ต้องการให้คนกรอกเพื่อลงทะเบียน เหมาะกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการศึกษา สินค้าที่ขายในรูปแบบ B2B ธุรกิจรถยนต์
- เน้นส่งข้อความ Message
ต้องการให้คนส่งข้อความจำนวนมาก ๆ แน่นอนการทำโฆษณาแบบ Message นับว่าตอบโจทย์มากที่สุด เหมาะกับสินค้าและบริการที่สามารปิดการขายใน Inbox ทันที แต่แน่นอนว่าการทำโฆษณาแบบนี้อาจต้องมีแอดมินที่จำเป็นคอยตอบคำถามและปิดการขายผ่านแชท
ซึ่งโฆษณาใน Facebook นั้นมีมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเรามีจุดประสงค์ในการทำโฆษณาเพื่ออะไรนั่นเอง
เรียน Digital Marketing สำหรับบุคคลทั่วไป ควรเลือกจากอะไร
เริ่มโฆษณาออนไลน์ ต้องพิจารณาจากประเภทของธุรกิจ แบ่งตามสินค้าและบริการ
เมื่อเรารู้ถึงข้อดีข้อเสียของทั้ง Facebook Ads และ Google Ads แล้ว ต้องมาเจาะลึกธุรกิจของคุณก่อนดูว่า เป็นธุรกิจประเภทใด และต้องการขายสินค้าและบริการไหน รวมไปถึงจุดมุ่งหมายในการทำโฆษณาครั้งนี้ ถ้าหากธุรกิจคุณคือร้านอาหาร ต้องการโฆษณาเน้นแบรนด์ดิ้ง แน่นอนสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุดคือการโฆษณาบน Facebook อาจใช้เป็นแบบ Engagement หรือถ้าต้องการลงโฆษณาด้วย Influencer ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่การวัดผลแบบชัดเจนก็จะทำได้ยาก ถ้าอยากวัดผลว่ามาจากออนไลน์ได้จริง อาจมีการแจกโค้ด หรือคูปองที่มาจากบนออนไลน์แล้วมาใช้หน้าร้านก็จะช่วยวัดผลได้
แต่ถ้าธุรกิจของคุณเป็นการขายสินค้าออนไลน์โดยทั่วไป มีเว็บไซต์ สามารถสั่งซื้อที่เว็บไซต์ แน่นอนว่าคุณอาจทำได้ทั้ง Facebook และ Google Ads ทั้งสองช่องทาง โดยทาง Facebook อาจเน้นเป็น Link Click หรือ Conversion ให้มาสั่งซื้อในเว็บไซต์ ส่วน Google Ads ก็สามารถลงโฆษณาได้ทั้ง Paid Search, GDN และ YouTube ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราเลย เพราะการโฆษณาของ Google Ads มักจะจำเป็นต้องมีเว็บไซต์ด้วย
Thanakarn Lertsudwichai x Ourgreenfish