Digital Blog - Ourgreenfish

8 เทรนด์ Loyalty Program ที่น่าจับตามอง ฉบับอัปเดต 2025

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 29 ต.ค. 2024, 7:00:00

การสร้างความภักดีผ่าน Loyalty Program กลายเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ โดยเฉพาะสำหรับ SME ที่ต้องการรักษาลูกค้าและเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งาน (Customer Lifetime Value) ปี 2025 กำลังจะเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการพัฒนา Loyalty Program ให้ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของ Loyalty Program ในปี 2025 มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและกลยุทธ์ทางธุรกิจ นี่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้

 

1. การพัฒนาของเทคโนโลยี

  • AI และ Machine Learning: การนำ AI เข้ามาใช้ในธุรกิจช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเป็นไปอย่างแม่นยำมากขึ้น สามารถคาดการณ์พฤติกรรมและปรับแต่งโปรแกรม Loyalty ให้ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ได้

  • Blockchain: เทคโนโลยี Blockchain ทำให้การจัดการแต้มสะสมและข้อมูลต่างๆ ใน Loyalty Program โปร่งใส ปลอดภัย และไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้ เพิ่มความไว้วางใจให้กับลูกค้า

  • การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time: ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น การเสนอส่วนลดทันทีหลังจากการซื้อ

2. การเติบโตของ Omnichannel

ผู้บริโภคในปัจจุบันใช้หลายช่องทางในการเชื่อมต่อกับแบรนด์ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และโซเชียลมีเดีย การรวมข้อมูลจากทุกช่องทางเข้าด้วยกันใน Omnichannel Loyalty Program ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะซื้อสินค้าจากทางใดก็ตาม

 

3. ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

  • การต้องการประสบการณ์เฉพาะบุคคล: ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการของพวกเขา การเสนอรางวัลหรือโปรโมชันแบบ “One-size-fits-all” เริ่มไม่ได้ผล การปรับแต่งโปรแกรมให้ตรงใจลูกค้าแต่ละคนจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ

  • การมุ่งเน้นความยั่งยืนและสังคม: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ธุรกิจสามารถสร้างโปรแกรมความภักดีที่ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการมีส่วนร่วมในโครงการเพื่อสังคม

4. การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด

ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง การนำเสนอ Loyalty Program ที่มีนวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง เช่น ระบบแต้มสะสมที่ยืดหยุ่น หรือการใช้ Gamification ช่วยเพิ่มความสนุกในการสะสมแต้ม ทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้นและมีแรงจูงใจในการกลับมาใช้บริการ

5. การเติบโตของ Subscription Economy

ระบบสมาชิกหรือ Subscription-based Loyalty Program เริ่มเข้ามามีบทบาทในหลายธุรกิจ ผู้บริโภคเต็มใจจ่ายเงินเพื่อรับสิทธิพิเศษเป็นประจำ เช่น ส่วนลดพิเศษ การเข้าถึงสินค้าหรือบริการก่อนใคร การปรับตัวเข้ากับระบบสมาชิกนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าไว้ในระยะยาว

 

6. การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ในหลายประเทศมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวดขึ้น เช่น GDPR ในยุโรป หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลในประเทศไทย ธุรกิจต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเหล่านี้อย่างเคร่งครัด ซึ่งส่งผลให้การจัดการข้อมูลลูกค้าใน Loyalty Program ต้องโปร่งใสและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

8 เทรนด์สำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงวงการ Loyalty Program 

1. AI และ Machine Learning: การปรับแต่ง Loyalty Program แบบเฉพาะบุคคล

AI และ Machine Learning ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงและปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เช่น ประเภทสินค้าที่ซื้อบ่อย ความถี่ในการใช้งาน หรือแม้แต่เวลาที่ลูกค้าชอบซื้อสินค้ามากที่สุด จากนั้นระบบ AI จะนำเสนอรางวัลหรือข้อเสนอที่ตรงใจลูกค้าได้แบบ Real-time ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความพึงพอใจแล้ว ยังสร้างโอกาสในการซื้อเพิ่มอีกด้วย

ตัวอย่าง: ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ AI เพื่อส่งคูปองส่วนลดสำหรับสินค้าที่ลูกค้าซื้อเป็นประจำในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ส่งส่วนลด 10% ให้กับลูกค้าที่มักจะซื้อกาแฟช่วงเช้าในวันธรรมดา

2. Dynamic Point Systems: แต้มสะสมที่ปรับเปลี่ยนได้ตามพฤติกรรม

การสะสมแต้มแบบเก่าๆ ที่ลูกค้าต้องรอสะสมให้ครบจำนวนเพื่อแลกของรางวัลอาจจะเริ่มไม่น่าสนใจอีกต่อไป ในปี 2025 Dynamic Point Systems จะเข้ามาเป็นเทรนด์ที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ธุรกิจจะสามารถปรับแต้มสะสมตามพฤติกรรม เช่น ให้คะแนนสะสมเพิ่มในช่วงเวลาพิเศษหรือในกิจกรรมที่ต้องการกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วม เช่น กดไลค์ แชร์ หรือรีวิวสินค้า

ตัวอย่าง: ร้านอาหารอาจเสนอตัวเลือกให้ลูกค้าสะสมแต้มเพิ่มเติมเมื่อทำการรีวิวร้านบนโซเชียลมีเดีย หรือเสนอคะแนนสองเท่าในวันเกิดของลูกค้า

3. Omnichannel Loyalty Program: การผสานข้อมูลจากทุกช่องทาง

ลูกค้าในปัจจุบันไม่ได้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางเดียวเท่านั้น การเชื่อมโยงข้อมูลจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันใน Omnichannel Loyalty Program จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าจากหน้าร้านหรือออนไลน์ ข้อมูลการซื้อของลูกค้าจะถูกบันทึกและสะท้อนใน Loyalty Program ทำให้พวกเขารู้สึกได้รับการดูแลแบบครบวงจร

ตัวอย่าง: ธุรกิจแฟชั่นที่ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านทั้งหน้าร้านและออนไลน์สามารถสะสมคะแนนได้จากทั้งสองช่องทาง ขณะที่ CRM จะรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในที่เดียว

4. Real-time Loyalty Program: ตอบสนองทันทีเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม

การรอคอยเพื่อแลกรางวัลอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกหมดความสนใจ ในปี 2025 Real-time Loyalty Program จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองลูกค้าได้ทันทีหลังจากที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ เช่น เสนอรางวัลทันทีหลังจากการทำการซื้อ หรือหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย การตอบสนองอย่างรวดเร็วนี้จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและกระตุ้นให้พวกเขากลับมาใช้บริการอีกครั้ง

ตัวอย่าง: ร้านกาแฟสามารถเสนอคูปองเครื่องดื่มฟรีให้กับลูกค้าที่เช็คอินและโพสต์บนโซเชียลมีเดียทันทีที่ออกจากร้าน

5. Sustainability Loyalty Program: การสร้างความยั่งยืนผ่านโปรแกรมความภักดี

ลูกค้าในยุคใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ธุรกิจสามารถผสานการให้คะแนนสะสมที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมเพื่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม เช่น การแลกแต้มสะสมเพื่อบริจาคให้กับโครงการเพื่อสังคมหรือการส่งเสริมการรีไซเคิล

ตัวอย่าง: ร้านค้าปลีกสามารถให้ลูกค้าสะสมแต้มเมื่อพวกเขานำถุงผ้ากลับมาใช้ซ้ำแทนการใช้ถุงพลาสติก

6. Subscription-based Loyalty Program: สร้างความภักดีด้วยระบบสมาชิก

ระบบสมาชิกแบบ Subscription-based Loyalty Program กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความภักดีให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบริการ เช่น ฟิตเนส หรือบริการออนไลน์ ลูกค้าสามารถชำระค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อรับสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น การได้รับส่วนลดประจำ การเข้าถึงบริการหรือสินค้าพิเศษก่อนคนอื่น

ตัวอย่าง: ฟิตเนสเสนอแผนสมาชิกที่มอบส่วนลดพิเศษในการเข้าร่วมคลาสฟิตเนสเฉพาะกลุ่ม

7. Gamification: การเล่นเพื่อสะสมแต้มที่สนุกขึ้น

การนำเอา Gamification มาใช้ในการออกแบบ Loyalty Program จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการสะสมแต้ม การตั้งเป้าหมาย หรือการให้ลูกค้าได้รับรางวัลพิเศษจากการทำภารกิจให้สำเร็จ เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมที่กำหนด หรือการเช็คอินในสถานที่ต่างๆ

ตัวอย่าง: แบรนด์เครื่องดื่มสามารถตั้งภารกิจให้ลูกค้าเช็คอินที่ร้านในเครือทุกแห่งเพื่อรับรางวัลพิเศษ

8. Blockchain-based Loyalty Program: เพิ่มความโปร่งใสและปลอดภัย

Blockchain จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความโปร่งใสในการจัดการแต้มสะสมใน Loyalty Program โดยการบันทึกการทำธุรกรรมทุกครั้งที่ลูกค้าสะสมหรือแลกคะแนน ระบบนี้จะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการทุจริตและเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า

ตัวอย่าง: แบรนด์สามารถใช้ Blockchain ในการบันทึกและตรวจสอบการแลกของรางวัลแบบไม่ต้องกังวลเรื่องความโปร่งใส

การเปลี่ยนแปลงของ Loyalty Program ในปี 2025 มาพร้อมกับเทคโนโลยีและกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การนำ AI มาใช้ในการปรับแต่งโปรแกรม การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel และการตอบสนองลูกค้าแบบเรียลไทม์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความภักดีที่ยั่งยืน การปรับใช้เทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและรักษาฐานลูกค้าไว้ได้อย่างมั่นคง

อ่านบทความเพิ่มเติม : 

สร้างความภักดีที่ยั่งยืน : การออกแบบ Loyalty Program ด้วย CRM