คุณเคยรู้สึกไหมว่า ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้ เส้นแบ่งระหว่างการขายของให้ "ธุรกิจ" (B2B) กับขายให้ "ผู้บริโภคทั่วไป" (B2C) มันเริ่มเลือนลางลงทุกที? ในปี 2026 แนวทางการตลาดแบบเดิมที่อาศัยการแบ่งกลุ่มคนตาม Demographics หรือ Segment จะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป เพราะไม่ว่าลูกค้าของคุณจะเป็นใคร "ผู้ตัดสินใจซื้อ" ที่แท้จริง คือ "มนุษย์" ซึ่งมีความรู้สึก ความกังวล และต้องการความเข้าใจเป็นพื้นฐาน นี่คือจุดเริ่มต้นของยุค B2H (Business to Human) แล้วเราจะปรับตัวอย่างไรให้แบรนด์ของเรามีความเป็น "มนุษย์" ที่สุดในสายตาลูกค้า?
B2H (Business to Human) คือแนวคิดที่มองข้ามเปลือกนอกของคำว่า "ลูกค้าองค์กร" หรือ "ผู้บริโภครายย่อย" แต่โฟกัสไปที่ ความเป็นมนุษย์ (Humanity)
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญมากในปี 2026? คำตอบอยู่ที่ AI ในยุคที่ AI สามารถเขียนบทความ สร้างรูปภาพ หรือยิงโฆษณาได้เป็นล้าน ๆ ชิ้นในพริบตา สิ่งที่ขาดแคลนและมีค่าที่สุดกลับไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็น "ความจริงใจ" และ "ความเชื่อใจ"
HubSpot ชี้ให้เห็นว่า โลกกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากผู้บริโภคไม่ต้องการการขายแบบหว่านแห แต่แสวงหาแบรนด์ที่เข้าถึงความเป็นมนุษย์ เข้าใจความรู้สึกเหนื่อยล้า ความกังวล หรือความต้องการกำลังใจ ไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่มองพวกเขาเป็นแค่ยอด Conversion เท่านั้น
การวางแผนการตลาดที่ยังคงยึดติดกับข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ เพศ และสถานที่อยู่อาศัยของลูกค้า ถือเป็นข้อมูลที่ล้าสมัยไปแล้ว สำหรับการตลาดแบบ B2H สิ่งที่เราต้องค้นหาและทำความเข้าใจคือ Human Signal หรือ สัญญาณความเป็นมนุษย์ 3 ประการนี้
การเก็บข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณเห็นภาพลูกค้าเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจไม่ใช่แค่ตัวเลขในกราฟ
เราคุ้นเคยกับ UX (User Experience) ที่เน้นความง่ายในการใช้งาน แต่ HX (Human Experience) ในแบบฉบับ B2H นั้นไปไกลกว่านั้น มันคือการออกแบบเส้นทาง (Journey) ที่ตอบสนองต่อสัญชาตญาณมนุษย์
ลองจินตนาการถึงเว็บไซต์ที่ไม่ได้แค่โหลดเร็ว แต่มีข้อความที่ช่วยลดความกังวล (Anxiety Reduction) เช่น การบอกชัดเจนว่าไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ในจังหวะที่ลูกค้ากำลังลังเล หรือการใช้สีและภาษาที่เพิ่มความมั่นใจ (Confidence Building) ว่าพวกเขาเลือกถูกแล้ว
HX คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ เมื่ออยู่กับแบรนด์ของคุณ ซึ่งความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นลูกค้าประจำ
ลืมการใส่ชื่อลูกค้าในอีเมลแบบ "สวัสดีคุณ [ชื่อ]" ไปได้เลย เพราะในปี 2026 นั่นถือเป็นเรื่องปกติที่ใค รๆ ก็ทำ และ AI ทำได้ดีกว่าเราด้วย
Personalization ในนิยามของ B2H คือ ความเกี่ยวข้อง (Relevance) มันคือการสื่อสารสิ่งที่คนตรงหน้าอยากรู้ในเวลานั้นจริง ๆ โดยไม่ต้องยัดเยียด
สมมติว่าลูกค้า B2B ของคุณกำลังเจอปัญหาเรื่องงบประมาณ การส่งอีเมลเสนอส่วนลดท้ายไตรมาส (ตอบโจทย์ Context) จะดูมีความเป็นมนุษย์และใส่ใจมากกว่าการส่งอีเมลแนะนำฟีเจอร์ใหม่ที่เขาไม่ได้ใช้ นี่คือศิลปะของการอยู่ถูกที่ ถูกเวลา และถูกใจ
โทนเสียงของ B2H ต้องไม่ใช่เสียงของนักขายแต่เป็นเสียงของ "เพื่อนผู้เชี่ยวชาญ"
เมื่อเป้าหมายเปลี่ยน ตัววัดผล (KPI) ก็ต้องเปลี่ยนตาม การวัดแค่ยอดไลก์หรือยอดวิว ไม่สามารถบอกความสำเร็จในยุค B2H ได้อีกแล้ว นี่คือ KPI ที่คุณควรเริ่มจับตามอง
Slack แม้ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันแชทสำหรับองค์กร (B2B) แต่ Slack เลือกใช้ภาษาที่สนุกสนานและเป็นกันเองในการสื่อสาร (B2H) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย, ชื่นชอบแบรนด์ และกลายคนที่บอกต่อแบรนด์
หรือเรียนรู้จาก Insight ของ HubSpot เอง ที่ปรับกลยุทธ์จากการขาย Software แบบตรง ๆ มาเป็นการสร้าง "Education Hub" ที่สอนนักการตลาดให้เก่งขึ้น นี่คือการแสดงความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ว่างานการตลาดมันยาก และ HubSpot พร้อมจะช่วยคุณ
ปี 2026 ไม่ใช่ยุคของการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นยุคของการแข่งขันด้วยหัวใจ ธุรกิจที่ชนะใจลูกค้าได้ คือธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ 'คน' ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี การปรับมาใช้กลยุทธ์ B2H ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นทางรอดที่ยั่งยืนที่สุด เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ วันนี้ ลองถามตัวเองดูว่า "สิ่งที่แบรนด์เราทำในวันนี้ ช่วยให้ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งดีขึ้น หายกังวลขึ้น หรือยิ้มได้มากขึ้นหรือยัง?" ถ้าคำตอบคือใช่ คุณก็มาถูกทางแล้ว
อ้างอิง :
อ่านบทความเพิ่มเติม : 8 แนวทางหลักใน การทำ Digital Marketing พร้อมวิธีการใช้งาน
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com