หลังจากที่ทั่วทั้งโลกกำลังตั้งรับ ต่อสู้กับโควิด-19 ไวรัสร้ายที่ได้คร่าชีวิตคนทั่วทั้งโลกมากถึง 264,000 กว่าราย (อัปเดต 7/5/2020) ซึ่งประเทศไทยเองก็มีมาตรการ Lock Down ประเทศ เพื่อหยุดการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการปิดประเทศ หยุดธุรกิจ กิจกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดย่อมต้องส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นวงกว้าง และเมื่อการแพร่ระบาดภายในประเทศเริ่มมีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่น้อยลงเป็นที่น่าพอใจ รัฐจึงจำเป็นต้องคลายล็อกเพื่อให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ได้เดินหน้าต่อ
เราเชื่อว่าทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของกิจการทุกท่าน ต่างก็เฝ้ารอเวลานี้อย่างใจจดใจจ่อ แต่การคลาย Lock Down ครั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม และอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความท้าทายครั้งสำคัญให้กับคุณ และธุรกิจ ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจ วิเคราะห์ความน่าจะเป็น เพื่อเตรียมรับมือ และนำไปปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตัวเอง
ถึงแม้ว่าผู้คนจะเริ่มออกมาใช้ชีวิตมากขึ้น ภาคธุรกิจ ร้านค้า กิจการต่าง ๆ ที่อยู่ในกลุ่มคลายล็อกเริ่มขยับตัวเดินหน้าธุรกิจก็จริง แต่ต้องยอมรับว่าการใช้ชีวิตต่าง ๆ จะยังไม่กลับมาเหมือนเดิมเต็ม 100% ทั้งในด้านกิจกรรมทางสังคม ในด้านการทำงานที่ยังมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 50% ยังคงตัดสินใจให้พนักงาน Work From Home อยู่บ้าน เพื่อหยุดการระบาดของเชื้อ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่กลัวการติดเชื้อ และเลือกที่จะอยู่บ้านมากกว่าออกไป จับจ่ายสินค้า ใช้บริการ หรือใช้ชีวิตนอกบ้าน และถึงแม้ว่า ตลาด ห้างร้านต่าง ๆ จะเปิดให้บริการตามปกติก็ตาม
เพราะสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้หลาย ๆ ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับตลาดโลกออนไลน์ สถานที่ซื้อขายหนึ่งเดียวที่สะดวกสบาย และง่ายที่สุดในช่วงเวลายากลำบากของการ Lock Down ธุรกิจต้องวิ่งเข้าหาลูกค้ามาขึ้น แข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้ของผู้บริโภค จึงทำให้ถึงแม้ว่ารัฐบาลประกาศให้ หลายๆ สถานที่กลับมาเปิดให้บริการได้ตามเดิม หรือแม้กระทั่งหากช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โรคเหล่านี้หมดไปแล้ว แต่การเสพติดความสะดวกสบายเหล่านี้ก็ยังคงอยู่กับผู้บริโภค ดังนั้นหลังจากนี้หลาย ๆ ธุรกิจควรนำสิ่งเหล่านี้ไปต่อยอด ปรับแผนการตลาดให้แข็งแรง เพื่อให้ตอบรับกับกลุ่มผู้บริโภคที่ถูกโลก Online เปลี่ยนนิสัย
หลายธุรกิจประเภทที่ต้องมีจำนวนคน มีการรับ - ให้บริการ หรือมีการใช้งานร่วมกันเป็นองค์ประกอบ อาจต้องกลับมาชั่งใจถึงเรื่องต้นทุน - กำไรก่อน ว่าหากคุณดำเนินกิจการต่อโดยคำนึงถึงระยะห่างทางสังคม และกฎระเบียบต่าง ๆ ตามที่รัฐบาลกำหนดแล้ว จะมีส่วนได้ส่วนเสียมากแค่ไหน จะเป็นการฟันกำไรทิ้งบางส่วน แต่ธุรกิจยังสามารถเดินได้ต่อ หรือการเว้นระยะห่างทางสังคมเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาโดยตรงกับธุรกิจ คำนวณให้ดี เพราะมีธุรกิจไม่น้อยที่แม้ว่าจะมีผู้บริโภคมาใช้บริการเต็มตามเป้าหมายสูงสุดก็ยังไม่สามารถคืนทุนในวันต่อวันได้ คุณอาจจะต้องทำใจเลือกที่จะปิดการให้บริการ หรือเดินหน้าทำการตลาดส่วนอื่น ๆ หรือใช้แผนเดียวกับตอนรัฐบาลประกาศ Lock Down ไปก่อนเพื่อไม่ให้ขาดทุน
ปัญหานี้อาจจะไม่ได้อยู่เฉพาะหลังคลายล็อก หรือช่วงของการระบาดเท่านั้น แต่มันอาจจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงแบบถาวร ตั้งแต่ความคิดหรือความต้องการที่เปลี่ยนไป ผู้คนต้องการความปลอดภัย ต้องการความมั่นคงในการใช้ชีวิต มีอาหารทานอิ่มทุกมื้อ มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัยไร้โรค มีการเข้าถึงการรักษาที่ดีหากเจ็บป่วย มีความกลัวและระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น เพราะจุดนี้เองจึงทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องมานั่งวิเคราะห์แล้วว่า ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นลูกค้าคนสำคัญของคุณในตอนนี้ มีพฤติกรรมหรือความต้องการที่เปลี่ยนไปหรือไม่ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างไร? วิเคราะห์ให้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราว หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถาวรจน กลายเป็น New Normal ที่ใครหลาย ๆ คนกำลังพูดถึงกัน ซึ่งมันอาจจะหมายถึงการรื้อ โละ Buyer Persona ชุดเก่า ๆ ของคุณทิ้ง แล้วมาเริ่มคิดกลุ่มเป้าหมายชุดใหม่
เรียนรู้ และเตรียมธุรกิจของคุณให้พร้อมกับ New Normal พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคหลังวิกฤตโควิด- 19
แน่นอนว่าโควิด-19 จะยังคงพ่นพิษ แพร่เชื้อให้กับทั้งเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก แม้ว่าจะมียารักษา หรือสามารถแก้ปัญหาการระบาดนี้ได้แล้วก็ตาม ดังนั้น การปรับตัว เปลี่ยนแปลง เตรียมแผนรับมือทันที จะทำให้คุณสามารถเดินก้าวใหม่ได้เร็วกว่า ไวกว่าคู่แข่ง ในช่วงเวลาที่ทุกธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู จากการคลาย Lock Down นี้
4 ปัจจัยในการทำ BUSINESS TRANSFORMATION SUCCESS นั้นมีอะไรบ้าง