Go-to-Market Strategy (GTM Strategy) คือแผนการนำสินค้า หรือบริการออกสู่ตลาด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดที่สุด สร้างยอดขายให้ได้เร็วที่สุด และวางรากฐานให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน พูดง่าย ๆ คือ “จะเอาสินค้าหรือบริการใหม่ของเราไปให้ลูกค้ารู้จักและซื้อได้อย่างไร?”
องค์ประกอบหลักของ Go-to-Market Strategy มีอะไรบ้าง?
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience)
รู้ว่าใครคือลูกค้าที่ต้องการจริง ๆ เช่น เพศ อายุ ความสนใจ พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- วาง Value Proposition ชัดเจน
ทำไมลูกค้าต้องเลือกคุณ? สินค้าของคุณแก้ปัญหาอะไรให้เขาได้?
- เลือกช่องทางการตลาด (Channel Strategy)
จะสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางไหน? เช่น SEO, Social Media, อีเวนต์, ตัวแทนจำหน่าย
- สร้าง Customer Journey ที่ชัดเจน
ลูกค้าจะรู้จักคุณได้อย่างไร? จะทดลองใช้ได้ยังไง? จะซื้อเมื่อไหร่? จะกลับมาซื้อซ้ำได้ยังไง?
- กำหนดกลยุทธ์การขาย (Sales Strategy)
ขายตรง? ขายผ่านตัวแทน? ขายออนไลน์?
- วางแผนการวัดผล (Metrics & KPIs)
ต้องกำหนดชัดเจนว่าจะวัดความสำเร็จด้วยอะไร เช่น จำนวนลูกค้าใหม่ ยอดขาย Conversion Rate
ทำไมธุรกิจสุขภาพยุคใหม่ต้องวาง GTM Strategy อย่างจริงจัง
พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดสุขภาพและ Wellness เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
- เทรนด์ Prevention: ผู้คนเน้นการป้องกันและดูแลสุขภาพก่อนป่วย
- เทรนด์ Personalization: ต้องการบริการที่ปรับตามไลฟ์สไตล์และความต้องการเฉพาะบุคคล
- เทรนด์ Longevity: ลงทุนเพื่อยืดอายุและเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาว
แตกต่างจากสินค้าแฟชั่นหรือเทคโนโลยี ในตลาดสุขภาพ ลูกค้าใช้เวลาในการตัดสินใจนานกว่า เพราะเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่น (Trust) และผลลัพธ์ที่มีผลต่อชีวิตจริง ดังนั้น GTM สำหรับธุรกิจสุขภาพจึงต้องใส่ใจตั้งแต่การสร้างความไว้วางใจ จนถึงการวาง Customer Journey ที่ละเอียดรอบคอบ
องค์ประกอบสำคัญของ GTM Strategy สำหรับ Healthcare & Wellness
- การกำหนด Target Audience ให้แม่นยำ
- ระบุ Demographic เช่น เพศ, อายุ, รายได้
- เพิ่มการวิเคราะห์ Health Lifestyle เช่น ผู้รักการออกกำลังกาย, ผู้สนใจเวชศาสตร์ชะลอวัย, ผู้ดูแลสุขภาพองค์รวม
- การวาง Value Proposition ที่สื่อสารได้ชัดเจน
- อย่าขายแค่ "ราคา" หรือ "โปรโมชั่น" แต่เน้นผลลัพธ์สุขภาพ เช่น "ฟื้นฟูพลังงานใน 30 วัน" หรือ "ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ"
>>> VALUE-DRIVEN MARKETING สร้างแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้สึกว่าคุ้มค่า
- การเลือก Channel ให้เหมาะสม
- Online: ใช้ SEO, Social Media, Influencer ที่เชี่ยวชาญด้าน Wellness
- Offline: เข้าร่วม Wellness Expo, จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรี, เวิร์กชอปสุขภาพเชิงลึก
- การออกแบบ Customer Journey ที่สมดุล
- สร้าง FOMO (Fear of Missing Out) ด้วยข้อเสนอจำกัดเวลา
- ให้ข้อมูลสุขภาพอย่างครบถ้วนเพื่อเสริมความมั่นใจ เช่น Webinar, E-Book ฟรี, Live Q&A กับผู้เชี่ยวชาญ
ตัวอย่างจริงของ GTM ในธุรกิจสุขภาพที่ประสบความสำเร็จ
กรณีศึกษา 1: คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- เปิดตลาดใหม่ด้วยการ จับมือกับฟิตเนสหรู
- ร่วมออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูร่างกายสำหรับกลุ่มนักกีฬาและสาย Healthy Lifestyle
- ผลลัพธ์: ขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมได้เกินเป้า 150%
กรณีศึกษา 2: Wellness Retreat
- เปิดตัวด้วยกลยุทธ์ Early Access Booking สำหรับผู้ที่จองภายใน 30 วันแรก
- ใช้ Influencer ด้าน Wellness โปรโมตประสบการณ์จริงผ่าน Instagram และ YouTube
- ผลลัพธ์: เต็มคิวก่อนวันเปิดจริง 2 เดือน
วิธีใช้ MarTech เช่น HubSpot หรือ CDP เร่ง GTM ให้เร็วขึ้น
ในปี 2025, ธุรกิจสุขภาพไม่สามารถอาศัยวิธีการเดิม ๆ ได้ ต้องใช้ Marketing Technology (MarTech) เข้ามาเสริม
- การวาง Workflow Automation รับลูกค้าใหม่
ตั้งระบบอัตโนมัติสำหรับ Welcome Email, E-Book Download, First Appointment Reminder
- Predictive Lead Scoring
ใช้ AI วิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนมีแนวโน้มสูงสุดที่จะลงทะเบียนหรือซื้อแพ็กเกจสุขภาพ
- Data-Driven Nurturing
นำข้อมูลจาก Telehealth Visit + In-Clinic Visit มาวิเคราะห์ เพื่อทำ Personalized Offer เช่น แนะนำแพ็กเกจเสริมแบบเฉพาะบุคคล
Wellness Center ที่เชื่อมต่อ Telehealth + In-Clinic ผ่าน CRM สามารถลดเวลาในการปิดการขายจากเฉลี่ย 14 วัน เหลือ 5 วัน
Go-to-Market Strategy คือรากฐานสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในธุรกิจ Healthcare & Wellness ยุคใหม่ เจ้าของธุรกิจที่เข้าใจความซับซ้อนของลูกค้า และพร้อมลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเสริมประสบการณ์ลูกค้า จะเป็นผู้ชนะในสนามแข่งขันนี้ในปี 2025 และต่อไปในอนาคต
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com