Master Blog - Ourgreenfish

กลยุทธ์ Go-to-Market (GTM) คืออะไร? จะใช้ให้เกิดผลได้อย่างไร

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - Nov 13, 2024 3:30:00 AM

ในตลาดที่การแข่งขันสูง การมีสินค้าและบริการที่ดีเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความสำเร็จ อีกครึ่งหนึ่งคือการนำเสนอสินค้าให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างถูกวิธี กลยุทธ์ Go-to-Market (GTM) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการวางแผนเพื่อนำเสนอสินค้าออกสู่ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราจะมาดูกันว่ากลยุทธ์ GTM คืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง และสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร

Go-to-Market (GTM) คืออะไร?

Go-to-Market (GTM) คือแผนกลยุทธ์ที่ครอบคลุมการดำเนินการเพื่อนำสินค้าและบริการใหม่ออกสู่ตลาด โดยมุ่งเน้นให้ถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว กลยุทธ์นี้มีความสำคัญต่อการสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงสินค้าและช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตในระยะยาว

ทำไมกลยุทธ์ GTM ถึงสำคัญ?

  1. เข้าถึงลูกค้าอย่างตรงจุด: การมีแผน GTM ที่ชัดเจนจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่าควรเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร และควรใช้ช่องทางไหนเพื่อให้สินค้าหรือบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด
  2. เพิ่มประสิทธิภาพการขาย: การขายสินค้าผ่านช่องทางที่เหมาะสมและการส่งมอบคุณค่าอย่างตรงประเด็นจะทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อในทันที
  3. ลดความเสี่ยงในการเปิดตัวสินค้า: การวางแผน GTM จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาในการเปิดตัวสินค้าหรือบริการ เนื่องจากได้ผ่านการวิเคราะห์และเตรียมความพร้อมในทุกด้านแล้ว
  4. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: การนำสินค้าเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดจะช่วยให้ธุรกิจสร้างความได้เปรียบในตลาดและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบหลักของกลยุทธ์ GTM

การสร้างกลยุทธ์ GTM ที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก ดังนี้

  1. การระบุตลาดเป้าหมาย (Target Market Definition)
    การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำ ธุรกิจควรทำความเข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มใดที่มีความต้องการสินค้าและบริการของเรา และควรมีคุณลักษณะหรือความต้องการแบบใด

  2. การสร้างคุณค่า (Value Proposition)
    จุดแข็งของสินค้าและบริการคืออะไร? คำตอบนี้ควรบอกได้ชัดเจนว่าทำไมลูกค้าจึงควรเลือกสินค้าของเรา และจะช่วยแก้ปัญหาหรือเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้าได้อย่างไร

  3. ช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Channels)
    เลือกช่องทางที่จะใช้ในการนำเสนอสินค้าสู่ตลาด อาจเป็นช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ของบริษัท หรือการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย ทั้งนี้ควรเลือกช่องทางที่เข้าถึงลูกค้าได้ดีที่สุด

  4. การตั้งราคา (Pricing Strategy)
    การกำหนดราคาเป็นสิ่งสำคัญต่อการกระตุ้นการซื้อ ควรพิจารณาว่ากลยุทธ์การตั้งราคาจะทำให้สินค้าแข่งขันได้หรือไม่ รวมถึงสามารถสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้หรือไม่

  5. กลยุทธ์การตลาดและการขาย (Marketing and Sales Approach)
    กำหนดวิธีการสร้างความสนใจและการทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น การใช้โฆษณาออนไลน์ การทำคอนเทนต์เพื่อสร้างการรับรู้ การดูแลลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ

วิธีการใช้กลยุทธ์ GTM ให้ได้ผล

การนำกลยุทธ์ GTM ไปใช้ไม่ใช่เพียงแค่การวางแผนแต่เป็นการนำไปปรับใช้จริงในแต่ละขั้นตอน:

  1. เริ่มต้นด้วยการทำวิจัยตลาด: เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าให้ถ่องแท้
  2. พัฒนาโปรไฟล์ลูกค้า: สร้างภาพของลูกค้าในแบบที่ชัดเจนเพื่อการเข้าถึงและการสื่อสารอย่างตรงเป้าหมาย
  3. สร้างการรับรู้ด้วยคอนเทนต์ที่โดดเด่น: ใช้คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายเพื่อดึงดูดความสนใจ
  4. ทดลองและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์: ทุกกลยุทธ์ควรมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
  5. วัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: ใช้ข้อมูลและผลการวัดผลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์และดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์ GTM ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด เพิ่มยอดขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในการวางแผนนี้ ธุรกิจควรคำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงและข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้รับ

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ GTM อย่างเต็มประสิทธิภาพจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าเกิดความภักดีและกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการอีกครั้ง

อ่านบทความเพิ่มเติม : 8 แนวทางหลักใน การทำ Digital Marketing พร้อมวิธีการใช้งาน