Master Blog - Ourgreenfish

Sales CRM Trends 2025 พลิกโฉม กลยุทธ์การขาย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - Dec 13, 2024 7:00:00 AM

อัปเกรดความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วย กลยุทธ์การขาย ที่มีประสิทธิภาพ จากการใช้ระบบ Sales CRM ซึ่งในปี 2025 นี้ มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นมาใช้ร่วมด้วย เช่น AI, Automation และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายให้ดียิ่งขึ้น

สำรวจเทรนด์และวิธีการใช้ CRM ที่ทันสมัย รีบปรับตัวพร้อมนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพกลยุทธ์การขายให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง

Sales CRM Trends 2025 พลิกโฉม กลยุทธ์การขาย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

  1. AI-Driven Sales CRM: การเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การขายด้วยปัญญาประดิษฐ์

ในยุคที่ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การขายของธุรกิจ การใช้ AI ในระบบ CRM กลายเป็นเทรนด์หลักที่ช่วยให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น AI-Driven Sales CRM ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้าและการโต้ตอบต่าง ๆ ทำให้สามารถระบุโอกาสการขายใหม่ ๆ ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

  • การวิเคราะห์ลูกค้าอย่างแม่นยำ: AI ช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ ความถี่ในการใช้งาน และความสนใจ เพื่อให้ทีมขายมีข้อมูลเชิงลึกและสามารถนำเสนอข้อเสนอที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม
  • การแนะนำกลยุทธ์การขายเชิงคาดการณ์: AI สามารถแนะนำกลยุทธ์การขายที่เหมาะสมตามข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ทีมขายสามารถปรับการสื่อสารและข้อเสนอได้แบบเฉพาะบุคคล
  • การประเมินโอกาสการขาย: AI สามารถประเมินโอกาสในการปิดการขายโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากการโต้ตอบของลูกค้าก่อนหน้า เช่น การตอบกลับอีเมล การเยี่ยมชมเว็บไซต์ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ทีมขายทราบว่าควรให้ความสำคัญกับโอกาสไหนมากที่สุด

SALES CRM บริการ LEADS และทีมงานขาย ขับเคลื่อน SALES

  1. Automation ใน Sales CRM: กลยุทธ์การขายด้วยการลดขั้นตอนซ้ำซ้อน เพิ่มความเร็วในการปิดการขาย

ระบบ Automation ใน Sales CRM ช่วยให้ทีมขายสามารถลดเวลาที่ใช้ไปกับงานซ้ำซ้อน ทำให้สามารถเน้นที่งานสำคัญได้มากขึ้น อีกทั้งช่วยเพิ่มความเร็วในการปิดการขายและประหยัดเวลาให้กับทีมขายได้อย่างมากมาย

  • การติดตามลูกค้าอัตโนมัติ: CRM สามารถติดตามการสื่อสารและแจ้งเตือนทีมขายเมื่อถึงเวลาที่ต้องติดต่อกลับลูกค้า ทำให้สามารถติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสในการปิดการขาย
  • การส่งข้อเสนออัตโนมัติ: ระบบ CRM สามารถตั้งค่าให้ส่งข้อเสนอหรือข้อมูลที่น่าสนใจไปยังลูกค้าโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น การส่งข้อเสนอเมื่อมีสินค้าลดราคา หรือเมื่อใกล้ถึงช่วงโปรโมชั่น
  • ลดภาระงานด้วย Workflow Automation: การตั้งค่ากระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติใน CRM ช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อน เช่น การบันทึกข้อมูลลูกค้า การสร้างรายงาน ทำให้ทีมขายสามารถโฟกัสกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

  1. Predictive Analytics ใน Sales CRM: ทำนายโอกาสการขายและปรับกลยุทธ์การขายได้ล่วงหน้า

Predictive Analytics เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำนายแนวโน้มของการขายและพฤติกรรมของลูกค้าได้ล่วงหน้า ช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์การขายได้อย่างตรงจุดและเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

  • การทำนายพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า: ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อของลูกค้าในอดีต Predictive Analytics สามารถทำนายความต้องการสินค้าหรือบริการในอนาคต ทำให้ทีมขายสามารถวางแผนการเสนอขายได้อย่างแม่นยำ
  • การคาดการณ์ยอดขาย: เครื่องมือ Predictive Analytics ช่วยคาดการณ์ยอดขายที่เป็นไปได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ไตรมาส หรือปีถัดไป ซึ่งช่วยให้ทีมขายสามารถวางแผนได้อย่างเหมาะสม
  • การปรับกลยุทธ์ล่วงหน้า: Predictive Analytics ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุแนวโน้มของตลาด และปรับกลยุทธ์การขายได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องรอจนถึงยอดขายลดลงถึงจะแก้ไข
  1. Personalization ใน Sales CRM: กลยุทธ์การขายด้วยการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคลเพื่อเพิ่มยอดขาย

การใช้ CRM เพื่อสร้าง Personalization หรือการปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญในปี 2025 การสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าแต่ละรายช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

  • การสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล: CRM สามารถรวบรวมข้อมูลของลูกค้าได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับข้อความการสื่อสารให้ตรงกับลูกค้าแต่ละรายได้
  • การเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า: ด้วยข้อมูลใน CRM ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น การเสนอสินค้าที่เหมาะสมให้กับลูกค้าที่มักซื้อสินค้าประเภทนั้นเป็นประจำ
  • การสร้างโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม: Personalization ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรโมชั่นที่เจาะจงสำหรับลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ได้ เช่น การให้ส่วนลดพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าเป็นประจำ
  1. Real-time Sales Reporting: กลยุทธ์การขายด้วยการรายงานผลแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็ว

Real-time Sales Reporting หรือการรายงานผลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามผลการขายได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การขายได้ทันทีเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามผลการดำเนินงานของทีมขายได้อย่างใกล้ชิด

  • การติดตามยอดขายและประสิทธิภาพของทีม: ระบบ CRM ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามยอดขายของทีมแบบเรียลไทม์ เช่น ยอดขายประจำวัน จำนวนดีลที่ปิดการขายแล้ว ทำให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว
  • การปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์จริง: Real-time Reporting ช่วยให้สามารถติดตามผลตอบรับของลูกค้าได้ทันที เช่น หากโปรโมชั่นหนึ่งได้รับความนิยม ทีมขายสามารถเพิ่มการโปรโมทให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
  • การวิเคราะห์ข้อมูลแบบทันที: CRM ช่วยรวบรวมและแสดงผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมขายและผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอจนถึงสิ้นวันหรือสิ้นเดือน

การปรับตัวและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ใน กลยุทธ์การขาย ของธุรกิจผ่าน CRM จะเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI ในการทำนายพฤติกรรมลูกค้า การใช้ Automation เพื่อลดงานซ้ำซ้อน หรือการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อตัดสินใจที่รวดเร็ว ทุกฟีเจอร์เหล่านี้ล้วนเสริมสร้างการทำงานของทีมขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทำความเข้าใจในเทรนด์เหล่านี้และการปรับใช้กับกลยุทธ์การขายของธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวนำหน้าในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สร้างความภักดีของลูกค้า และเพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติม :

การเพิ่มยอดขาย E-Commerce ด้วยการใช้ CRM อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์ GO-TO-MARKET (GTM) คืออะไร? จะใช้ให้เกิดผลได้อย่างไร