Master Blog - Ourgreenfish

เทคนิคการใช้ CRM ในการวัดผล ROI ของแต่ละ Marketing และ Sales Activity

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - Dec 10, 2024 7:00:00 AM

การวัดผล ROI (Return on Investment) ของกิจกรรมการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้เข้าใจ ROI ของแต่ละแคมเปญได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ธุรกิจสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างชาญฉลาดและเพิ่มประสิทธิภาพของการตลาดและการขายได้ในระยะยาว 
โดยเทคนิคหนึ่งในการวัดผลที่น่าสนใจคือ การใช้ CRM สำหรับการวัดผล ROI อย่างเจาะลึกและละเอียด เพื่อให้เจ้าของธุรกิจ ทีมการตลาด และการขายมีแนวทางในการวางแผนและปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคการใช้ CRM ในการวัดผล ROI : ติดตามและวิเคราะห์ Campaign Performance ด้วย CRM Analytics

การใช้ CRM Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและรายละเอียดของแต่ละแคมเปญได้

  • การตั้งค่า Campaign Tracking ใน CRM เพื่อวัดผลแบบ End-to-End: การตั้งค่าการติดตามแคมเปญใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามทุกขั้นตอนของแคมเปญ ตั้งแต่การคลิกแรกจนถึงการปิดการขาย การติดตามแบบ End-to-End ทำให้คุณเข้าใจว่าแต่ละกิจกรรมส่งผลต่อการแปลงยอดขายมากน้อยแค่ไหน
  • การใช้ Advanced Analytics ใน CRM เพื่อคำนวณ ROI ของแต่ละ Activity: Advanced Analytics ช่วยให้สามารถประเมิน ROI ได้อย่างแม่นยำโดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและรายได้ที่เกิดขึ้นจากแคมเปญ การวิเคราะห์นี้ทำให้คุณเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่ได้รับจากกิจกรรมแต่ละรายการ

เทคนิคการใช้ CRM ในการวัดผล ROI : Implement Multi-touch Attribution Models ใน CRM เพื่อวัดผล Sales Conversion

Implement Multi-touch Attribution Models คือการนำโมเดลการวัดผลแบบให้เครดิตหลายจุดมาใช้ใน CRM เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการทำการตลาดและการขายในทุกขั้นตอนของเส้นทางการซื้อของลูกค้า โดยวิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่ากิจกรรมการตลาดและการขายใดมีบทบาทสำคัญที่สุดในการนำลูกค้าไปสู่การตัดสินใจซื้อ

ความสำคัญของ Multi-touch Attribution Models

ในเส้นทางการตัดสินใจของลูกค้า (Customer Journey) มักมีหลายจุดที่ลูกค้าสัมผัสหรือโต้ตอบกับแบรนด์ เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล โฆษณา หรือเว็บไซต์ การใช้ Multi-touch Attribution Models ช่วยให้ธุรกิจสามารถให้เครดิตกับแต่ละจุดสัมผัส (Touchpoint) ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของกระบวนการการขายและการตลาดได้อย่างครบถ้วน

โดยการใช้ Multi-touch Attribution Models ใน CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ Conversion ของการขายได้อย่างครอบคลุม ซึ่งหมายถึงการให้เครดิตกับกิจกรรมการตลาดและการขายต่าง ๆ ที่มีส่วนในการนำไปสู่การปิดการขาย

  • การเลือกใช้ Multi-touch Attribution Models ที่เหมาะสม: CRM ส่วนใหญ่มีโมเดลการประเมินผลที่หลากหลาย เช่น โมเดล First Touch, Last Touch, Linear หรือ Time Decay ซึ่งแต่ละโมเดลจะให้เครดิตกับกิจกรรมในลักษณะที่แตกต่างกัน การเลือกใช้โมเดลที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนของกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพที่สุด
  • การใช้ CRM Data เพื่อ Optimize Marketing และ Sales Budget Allocation: เมื่อคุณมีข้อมูลจาก Multi-touch Attribution Models การจัดสรรงบประมาณก็สามารถทำได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่กิจกรรมที่สร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด ซึ่งช่วยให้คุณเพิ่ม ROI ของการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคการใช้ CRM ในการวัดผล ROI : การใช้ CRM เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและปรับปรุง ROI

การใช้ Advanced Analytics ใน CRM เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเป็นขั้นตอนสำคัญในการเข้าใจว่าแคมเปญไหนทำงานได้ดีและแคมเปญไหนที่ควรปรับปรุง การวิเคราะห์เชิงลึกยังช่วยให้เห็นถึงโอกาสในการปรับปรุงที่อาจพลาดไป

  • การตั้งค่าและใช้ Key Performance Indicators (KPIs) ที่เหมาะสม: CRM สามารถกำหนด KPIs เพื่อวัดผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรม เช่น Conversion Rate, Customer Lifetime Value (CLV), และ Cost per Lead (CPL) การตั้งค่า KPIs ที่เหมาะสมช่วยให้สามารถวัดผล ROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย CRM Analytics: การใช้ CRM ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกช่วยให้คุณเห็นแนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความสำคัญในการตัดสินใจซื้อ เช่น พฤติกรรมการคลิก พฤติกรรมการซื้อ และการตอบสนองต่อแคมเปญ ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคการใช้ CRM ในการวัดผล ROI : การใช้ CRM ในการ Optimize Marketing และ Sales Budget Allocation

การใช้ CRM ในการวิเคราะห์ข้อมูลและผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรมช่วยให้คุณสามารถจัดสรรงบประมาณการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเน้นไปที่กิจกรรมที่สร้าง ROI สูงสุด

  • การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรม: ใช้ข้อมูลที่ได้จาก CRM ในการประเมินว่าแต่ละกิจกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มหรือมีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกปรับงบประมาณหรือทรัพยากรไปยังช่องทางที่คุ้มค่า
  • การกำหนดกลยุทธ์การตลาดและการขายตามผลลัพธ์จริง: เมื่อคุณมีข้อมูลที่แม่นยำจาก CRM คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์ที่อิงจากข้อมูลจริง ทำให้แผนการตลาดและการขายมีความแม่นยำและเน้นไปที่กิจกรรมที่สร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด

ประโยชน์ของการวัดผล ROI ด้วย CRM

  1. การติดตามผลลัพธ์แบบละเอียด: การวัดผล ROI ด้วย CRM ช่วยให้สามารถติดตามผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรมได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
  2. การปรับปรุงแคมเปญแบบต่อเนื่อง: ข้อมูลที่ได้จากการวัดผล ROI ช่วยให้สามารถปรับแคมเปญและกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
  3. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ: การรู้ว่าแคมเปญไหนทำงานได้ดีที่สุดทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณไปยังช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  4. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: การติดตามผลลัพธ์ในเชิงลึกช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพราะสามารถมองเห็นและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

การวัดผล ROI ของแต่ละ Marketing และ Sales Activity ด้วย CRM เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณได้อย่างชาญฉลาด การใช้ CRM Analytics การตั้งค่า Campaign Tracking และการ Implement Multi-touch Attribution Models ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงผลกระทบของแต่ละแคมเปญในเชิงลึก ส่งผลให้สามารถกำหนดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและสร้างความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

การใช้ CRM อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2025 จะทำให้ธุรกิจไม่เพียงแต่เห็นภาพรวมของกิจกรรมการตลาดและการขาย แต่ยังสามารถปรับแผนเพื่อเพิ่มความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน

อ่านบทความเพิ่มเติม : การเพิ่มยอดขาย E-Commerce ด้วยการใช้ CRM อย่างมีประสิทธิภาพ