ส่วนผสมคือองค์ประกอบในการลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ในการทำ Business Transformation ก็เช่นกัน ที่คุณควรมีส่วนผสมที่สำคัญให้ครบถ้วน และนี่คือสิ่งที่คุณควรมี
อย่างแรกที่คุณควรรู้และตอบตัวเองให้ได้ คือ องค์กรของคุณต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แล้วจากนั้นจึงค่อยลงรายละเอียด ทุกองค์กรมีความแตกต่างและความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีสูตรการทำ Data Transformation ที่ตายตัว และการรีวิวกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้อาจต้องใช้ทักษะจากบุคลากรที่อยู่นอกเหนือจากทีมที่คุณมี ไม่ว่าคุณจะลงมือทำตามสูตรไหน คุณก็ต้องตอบคำถามพื้นฐานเหล่านี้อยู่ดี ตัวอย่างเช่น:
4 ปัจจัยชี้เป็นชี้ตายในการทำ BUSINESS TRANSFORMATION SUCCESS นั้นมีอะไรบ้าง
การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยเปิดโอกาสให้คุณได้มองธุรกิจของคุณอย่างที่ควรจะเป็น และซื่อสัตย์กับความต้องการขององค์กรว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรกำลังมองหา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ และรู้ว่าจะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร
จากนั้นคุณจะสามารถร่างกลยุทธ์การทำงานที่ครอบคลุมทุกส่วนงานขึ้นมาได้ อย่างเช่น ส่วนของบุคลากร ทักษะ ระบบและขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนจะทำงานสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ยังถือเป็นไอเดียที่ดีที่ีจะวางตารางเวลาในการทำรีวิวแผนงาน เพื่อที่คุณจะสามารถประเมินความก้าวหน้าในการทำงานและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ได้
กลยุทธ์เพื่อรับมือกับการปรับเปลี่ยนการทำงานขององค์กรจะดีและได้ผล ก็ต่อเมื่อคุณมีสิ่งที่ช่วยสนับสนุนกลยุทธ์นั้น ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าคุณจะไปหาชุดเครื่องมือสนุนกลยุทธ์ได้ง่ายๆ แถมยังมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างทักษะที่ต้องมีเพื่อใช้ในการทำแผนกับเพื่อใช้ในการส่งต่อ และการเปลี่ยนแปลงกับธุรกิจแบบเดิม
คุณจะต้องใช้ความสามารถเท่าใดในช่วงเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจของคุณ คุณมีคนที่เกี่ยวข้องและมีทักษะอยู่แล้ว หรือ คุณจำเป็นต้องจ้างเพิ่มหรือไม่ในการอุดช่องว่างนั้น? หากปราศจากคนที่เหมาะสมก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คนที่มีความสามารถที่สุดของคุณมีความสามารถในการนำเสนอองค์ประกอบทั้งหมดของกลยุทธ์ของคุณหรือไม่?
แม้ผู้นำทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์และความรู้ในการทำ Business Transformation ในทางธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ดังนั้นบางทีคุณอาจจำเป็นต้องจ้างคนใหม่หรือสมัครผู้จัดการชั่วคราว ซึ่งการดึงคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาก็เหมือนกับการการันตีว่าคุณจะสามารถทำงานให้ลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ไปพร้อมๆกับการดูแลการทำงานในแต่ละวันให้ราบรื่น
การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจไม่ใช่สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการทำให้แน่ใจว่าองค์กรของคุณจะสามารถทำงานและเจริญเติบโตต่อไปได้ หลังจากปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานใหม่
ย้อนกลับไปดูการสำรวจทั่วโลกของ McKinsey ในปี 2015 ผลการสำรวจกล่าวไว้ว่า: "เมื่อความคิดริเริ่มดำเนินการจนแล้วเสร็จ ไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นๆจะจบลง เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาต้องการใช้เวลามากขึ้นในการคิดว่าองค์กรของพวกเขาจะพัฒนาต่อไปอย่างไร"
ถือเป็นความผิดพลาดหากคุณละเลยที่จะมองถึงความสำเร็จที่ได้มา - และเหตุผลที่คุณตั้งใจที่จะทำมันให้สำเร็จในตอนแรก การให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการใหม่ ๆ ที่คุณมีและเลี้ยงคนที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ จะทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะดำเนินไปได้ตามปกติ - ในกระบวนการทำงานใหม่
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr. bie-executive.com, freepik.com