ความแตกต่าง Broad Match, Phrase Match, Exact Match และ Negative Keywords สำหรับคนที่เคยใช้งาน Google Adwords สำหรับสร้างโฆษณา Search Network นั้น การใส่คีย์เวิร์ดไม่ใช่แค่เพียงนึกอยากจะใส่ก็ใส่ลงไปก็ได้ คำแต่ละคำต้องถูกคัดสรรจาก Keywords Planner มาแล้วว่า คำๆนั้นโดนค้นหามากน้อยเท่าไรในแต่ละเดือน ยิ่งมีคนที่ค้นหามาก ทำให้มีโอกาสที่จะแสดงโฆษณาของเรามากขึ้นนั่นเอง
แต่คำค้นหายังมีเทคนิคในการใช้งานเช่นกัน โดยจะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Broad Match, Phrase Match, Exact Match และ Negative Keywords ซึ่งแต่ละอย่างเหมาะกับการโฆษณาที่แตกต่างกันออกไป
Board Match จะไม่มีสัญลักษณ์พิเศษ การใส่คำปกติ จะนับว่าเป็นคีย์เวิร์ด Board Match ทั้งหมด นับว่าเป็นรูปแบบคีย์เวิร์ดที่กว้างมากที่สุด เพราะเมื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความหมายใกล้เคียงกัน หรือมีคีย์เวิร์ดอยู่ในวลีหรือประโยค ก็จะแสดงโฆษณาที่เราลงไว้ได้ ซึ่งข้อดีของใช้คีย์เวิร์ดแบบ Board Match คือช่วยทำให้โฆษณาของเราแสดงมากขึ้น แต่มีข้อเสียคือทำให้แสดงโฆษณามากเกินไป หรือแสดงโฆษณาที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ด ทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ
ทำไมการ Search จึงสำคัญต่อการทำ Digital Marketing
สัญลักษณ์ของการใส่คีย์เวิร์ด Phase Match คือฟันหนู “” ล้อมคีย์เวิร์ด Phase Match จะเป็นการใช้คีย์เวิร์ดที่แคบกว่า Board Match แต่ไม่เท่า Exact Match กล่าวคือ เมื่อมีการค้นหาคำ หรือคีย์เวิร์ดที่เราเจาะจงไว้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบคำ ในประโยค หรือในวลีก็ตาม ก็จะโชว์โฆษณาของเรา นับว่าดีในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า Board Match นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใส่คีย์เวิร์ดคำว่า “นาฬิกา” แล้วมีคนค้นหาว่า นาฬิกาแขวนผนัง ก็จะแสดงโฆษณาเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการค้นหาคำคำนั้นโดยตรงก็ตาม
สัญลักษณ์ของ Exact Match คือวงเล็บเหลี่ยมล้อมคียเวิร์ด [] เป็นคำค้นหาที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก ต้องค้นหาตามคีย์เวิร์ดเป๊ะๆ โดยที่ไม่ผิดพลาดหรือสะกดผิด ถึงจะโชว์โฆษณาของเรา ถ้าหากค้นหาคำที่แตกต่างนอกเหนือจากนี้ โฆษณาของเราจะไม่แสดงโชว์แต่อย่างใด ข้อดีคือได้แสดงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึงได้จริง เจาะจงมาก จะช่วยประหยัดงบโฆษณาได้มาก แต่ข้อเสียก็มีคือ อาจเข้าถึงลูกค้าน้อยจนเกินไป ไม่เหมาะกับการทำ Brand Awareness
ตัวอย่างเช่น ถ้าหากใส่คียเวิร์ดคำว่า [แชมพู] ถ้าค้นหาคำว่า แชมพูสุนัข โฆษณาที่เราใส่คีย์เวิร์ดคำว่า [แชมพู] ก็จะไม่แสดงโชว์อย่างแน่นอน เท่ากับว่าเป็นการลดการแสดงโฆษณา ของคีย์เวิร์ดการค้นหาที่ไม่ตรงได้อย่างดี
Negative Keywords สัญลักษณ์คือเครื่องหมายลบ - นำหน้าคีย์เวิร์ด เป็นคีย์เวิร์ดที่เราใส่ไว้ตรงข้ามกับ 3 ข้อด้านบน ถ้าหากค้นหาด้วยคำนี้จะไม่แสดงโฆษณาของเรา ซึ่งจะทำให้มีส่วนช่วยโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของแท้ราคาแพง Negative Keywords ที่เราควรใส่คือ –ราคาถูก –ของเลียนแบบ ซึ่งทำให้โฆษณาเราจะไม่แสดง ถ้าหากมีคนที่ใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ในการค้นหา เพราะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าที่เราวางไว้นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อได้รู้ความหมายและความแตกต่างของ Broad Match, Phrase Match, Exact Match และ Negative Keywords ซึ่งมีประโยชน์และการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ในครั้งหน้าจะมาบอกประโยชน์และวิธีใช้งาน Keywords Planner เบื้องต้น เพื่อคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดให้เข้ากับธุรกิจ และทำให้ผลโฆษณาออกมาได้ประสิทธิภาพ
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
ที่มาบางส่วนจาก [1]