<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

ควรปรับตัวอย่างไรดี? สำหรับนักการตลาด Digital Disruption มาถึง

นักการตลาด Digital Disruption ในยุคนี้ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่แค่เพียงอาชีพอื่น ๆ หรือองค์กรเท่านั้น ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุค Digital Disruption แต่สำหรับเหล่านักการตลาดเอง จำเป็นที่จะต้องปรับตัวเช่นกัน เมื่อโลกเปลี่ยนไปไว คนก็ต้องเปลี่ยนตาม

เพิ่มทักษะทางด้าน Digital Marketing ให้มากขึ้น

แน่นอนว่าสำหรับ Digital Marketing เป็นอาชีพที่กำลังมาแรง โดยหลายสำนักได้คาดการณ์ว่าไม่กี่ปีต่อจากนี้ Digital Marketing จะเป็นการตลาดสื่อกระแสหลักแทนที่การตลาดแบบดั้งเดิมแบบออฟไลน์ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่าย มีความเร็วสูง จึงทำให้โฆษณาที่อยู่ในโลกออนไลน์เติบโตขึ้นไปมาก แน่นอนว่าสัก 4-5 ปี ที่แล้วใครจะไปคาดคิดว่า อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ Digital Marketing จะเติบโตสูงขึ้น

ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยง Digital Disruption ของอาชีพนักการตลาดแบบดั้งเดิม ดังนั้นคุณจึงควรเพิ่มทักษะที่เกี่ยวข้องกับ Digital Marketing ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้แนวคิดของ Digital Marketing ทั้งหมด หรือการเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Facebook Ads หรือ Google Ads ซึ่งในช่วงแรกแน่นอนว่าต้องมีการปรับตัว แต่เมื่อคุณเข้าใจ และมีประสบการณ์ในด้านนี้ เท่ากับว่าคุณได้ผสานทักษะทั้ง Digital Marketing และ Traditional Marketing เข้าด้วยกัน

Digital Disruption คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำธุรกิจ

โดยคุณไม่จำเป็นต้องทิ้งความรู้ความสามารถในด้านการตลาดแบบดั้งเดิม เพราะคุณสามารถนำมาปรับใช้ได้ เมื่อคุณเป็นมือโปรสองด้าน เพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง ทำให้คุณนำไปต่อยอดในเส้นอาชีพได้

นักการตลาด Digital Disruption ต้องวิเคราะห์และเก็บข้อมูลให้เป็น

การตลาด Digital Disruption

เมื่อคุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Digital Marketing เพิ่มมากขึ้น คุณจะรู้เลยว่าการเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลนับว่ามีความจำเป็นมากขึ้น การเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบจะช่วยให้การค้นหาข้อมูลทำได้โดยง่าย เมื่อคุณมีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว คุณจำเป็นที่จะต้องนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อมาใช้ใน Marketing ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรืออฟไลน์ก็ตาม

ซึ่งข้อดีของ Digital Marketing ที่เหนือกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม คือการวัดผลของข้อมูลได้จริง และมีความแม่นยำมากขึ้น คุณอาจลองคิดดูว่าป้ายบิลบอร์ดตั้งอยู่บนสี่แยกแห่งหนึ่ง อย่างมากก็อาจมีข้อมูลในเบื้องต้นว่ามีรถกี่คันที่ผ่านสี่แยกนั้น แต่คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีคนเห็นโฆษณาของคุณกี่ครั้ง เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน พอมาเป็น Digital Marketing คุณสามารถรู้ได้เลยว่าโฆษณาของคุณโชว์ไปกี่ครั้ง คุณที่เห็นโฆษณาของคุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน ซ฿งคุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ต่อยอดได้

Customer Journey ที่เปลี่ยนแปลงไป

การตลาด Digital Disruption

เมื่อคุณมาทำในด้าน Digital Marketing คุณจะต้องพบเจอว่า Customer Journey ของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แน่นอนว่าถ้ายังเป็นการทำการตลาดแบบดั้งเดิมลูกค้าอาจพบป้ายโฆษณาของคุณที่ริมถนน แล้วจึงเดินมาที่หน้าร้านเพื่อซื้อสินค้า จากนั้นจึงชำระเงิน แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ลูกค้าอาจเห็นโฆษณาใน Social Media ชื่อดัง จากนั้นจึงค่อยค้นหาชื่อสินค้านั้นใน Google แล้วเข้าเว็บไซต์ E-Commerce เพื่อดูราคาเบื้องต้น แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อทันที จากนั้นจึงไปดูหน้าร้านเพื่อเปรียบเทียบราคาและโปรโมชันว่าที่ไหนดีกว่ากัน สุดท้ายอาจจะซื้อที่หน้าร้าน หรือที่ออนไลน์ก็ได้ จะเห็นได้ว่า Customer Journey ในปัจจุบันนี้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นตาม Digital Disruption ที่เปลี่ยนแปลงไป

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในยุค Digital Disruption เราก็ควรที่จะปรับตัว เพื่อพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังคืบคลานเข้ามาถึง เพิ่มพูนทักษะให้มากขึ้น ปรับชุดความคิดที่ต้องทันสมัยขึ้น เมื่อคุณปรับตัวได้แน่นอนว่าคุณก็สามารถอยู่รอดได้ในยุค Digital Disruption

New call-to-action

Thanakarn Lertsudwichai x Ourgreenfish

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

Recent Posts