เชื่อว่าในชีวิตของคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใส นั่งบิดขี้เกียจ อยากจะทำอะไรก็ทำ เวลาหิวก็มีคนอาหารมาให้กิน ว่างก็ดูหนังฟังเพลง แต่ชีวิตของคนส่วนใหญ่จะตื่นมาพร้อมกับความเร่งรีบในการที่จะต้องรีบไปทำงาน แต่บางครั้งการทำงานก็ทำให้คุณรู้สึกว่ามัน “ไม่ใช่วันของคุณ” และนี่คือ 4 วิธีจัดการกับความเครียด ที่จะทำให้ทุกๆ วันเป็นวันที่ดีสำหรับคุณ
4 วิธีจัดการกับความเครียด
1.จัดลำดับในการทำงานก่อนเริ่มงาน
หากต้องการจัดการกับความเครียด มีวิธีง่ายๆ คือให้ถามตัวเองว่า วันนี้มีงานอะไรสำคัญ และงานอะไรที่ไม่สำคัญ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ Priority ในการทำงานก่อนจะเริ่มต้นทำงาน เมื่อคุณรู้แล้วให้คุณเริ่มต้นทำงานที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณในวันนั้น เพื่อที่จะได้สร้างความเชื่อมั่น และกำลังใจในการทำงานของคุณ
ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยงานที่ยาก และคุณไม่สามารถทำให้มันสำเร็จได้ แล้วยิ่งฝืนทำต่อไป นอกจากจะทำให้คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังทำให้คุณรู้สึกไม่ดีมากกว่าเดิมอีกด้วย
2.Work & Life Balance
คุณต้องแบ่งเวลาชีวิตให้เหมาะสม เมื่ออยู่บ้านก็คือเวลาที่จะได้พักผ่อน ได้หาอะไรที่ไม่ใช่งานทำ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนังฟังเพลง เพื่อสร้างความรู้สึกดีให้กับตัวของคุณเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน เวลานั้นก็ถึงจะค่อยทำงาน อย่าเอาสองอย่างมารวมกัน ถ้าหากการทำงานมันไม่ได้เร่งด่วนที่ต้องทำทันที
ดังนั้นอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้าน เพราะการทำงานที่บ้านจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณมีความรู้สึกและความคิดที่ไม่ดีกับตัวของคุณว่า ทำไมงานเยอะจัง วันหยุดก็ยังต้องมานั่งทำงานอีก ทั้งที่ความจริงแล้วส่วนหนึ่งมันเกิดจากความขี้เกียจที่ตัวของคุณสร้างมันขึ้นมา ว่าเดี๋ยวเอากลับมาทำที่บ้านก็ได้ เมื่อคุณเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น คุณก็จะกลายเป็นคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่องาน ทำให้งานออกมาไม่ดี และทำให้คุณรู้สึกเบื่องานรู้สึกกดดันจากการทำงานส่งผลทำให้คุณ”เครียด”นั่นเอง
3.หาใครสักคนที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ
เคยมั้ย? เวลาที่เรารู้สึกว่าไม่สบายใจ แต่เมื่อเราได้พูดและระบายออกไปแล้ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นก็จะหายไปราวกับว่าคุณลืมและไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันต่อมาคุณก็จะใช้ชีวิตเป็นปกติ ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกว่ากดดัน หรือเครียดจากการทำงาน อย่าเก็บความรู้สึกนั้นไว้คนเดียว ให้หาคนที่คุณสามารถระบายความรู้สึกที่มีอยู่นั้นได้ และเขาสามารถให้คำแนะนำที่ดีกับคุณได้ สิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณได้รู้สึกดีรู้สึกโล่งใจ และช่วยลดความรู้สึกที่ไม่ดีได้เคลียร์กับสิ่งที่อัดอั้นตันใจแล้วพร้อมที่จะลุยต่อ
4.เรียนรู้และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
การที่คุณสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานได้นั้น จะทำให้คุณรู้สึกดีกับการทำงาน เพราะมันจะทำให้การทำงานคุณเป็นเรืองที่ง่ายมากขึ้น อย่างเช่น ในขณะที่คุณกำลังเดินทางคุณไม่สามารถเปิดคอมเพื่อมาส่งงานหรือเอกสารให้ใครได้ทันที แล้วยิ่งถ้าหากเป็นงานที่ต้องรีบเร่งด่วน จะทำให้คุณรู้สึกเกิดดันจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถ้าหากคุณมีการใช้ Google App for work หรือ G Suite ในการทำงาน คุณเพียงแค่เข้าไปแชร์งานหรือส่งลิงค์ให้กับทีมงานของคุณ หรือสามารถทำงานร่วมกันได้อย่าง Real Time ทำให้งานของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น การเรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน มีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นมากขึ้น
WORK LIFE INTEGRATION คืออะไร ต่างจาก WORK LIFE BALANCE แค่ไหน
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Aphikiat Techajarupun X Ourgreenfish
No Comments