ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกวงการ ธุรกิจสุขภาพก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะด้วยอิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่กำลังเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการดูแลสุขภาพและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย ตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การพัฒนายา ไปจนถึงการจัดการระบบสาธารณสุข
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI ได้รับการพัฒนาและนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจสุขภาพอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านการแพทย์ การเภสัชกรรม และการบริหารจัดการ เทคโนโลยีอย่างการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ (Medical Imaging Analysis) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ถูกนำมาใช้เพื่อวินิจฉัยโรค ค้นหายาใหม่ วิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วย และอีกมากมาย ซึ่งช่วยให้การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และเข้าถึงได้มากขึ้น
ตัวอย่าง IBM Watson Health ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมหาศาล เพื่อช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งและให้คำแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยสามารถประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วกว่าแพทย์ถึง 50 เท่า ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
หนึ่งในการประยุกต์ใช้ AI ที่โดดเด่นที่สุดในธุรกิจสุขภาพคือการนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ระบบ AI สามารถเรียนรู้และจดจำรูปแบบของโรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ จากการฝึกด้วยข้อมูลทางการแพทย์และภาพถ่ายทางคลินิกจำนวนมาก ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากการวินิจฉัยของมนุษย์ ระบบ AI ยังสามารถติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และปรับการรักษาให้เหมาะสมตามการตอบสนองของผู้ป่วย
ตัวอย่าง DeepMind Health ของ Google ได้พัฒนาระบบ AI ในการวิเคราะห์ภาพจอประสาทตาเพื่อคัดกรองโรคต้อหิน โดยมีความแม่นยำในการวินิจฉัยถึง 94% เทียบเท่ากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็น
กระบวนการค้นพบยาใหม่และการทดสอบประสิทธิภาพเป็นอีกด้านที่ AI สามารถช่วยได้อย่างมาก ด้วยการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการจำลองผลของโมเลกุลยาด้วยแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ AI สามารถช่วยค้นหาโมเลกุลที่มีแนวโน้มในการรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยทำนายผลข้างเคียงของยา ลดระยะเวลาและต้นทุนในการทดสอบยาใหม่ ทำให้สามารถนำยามาใช้รักษาได้เร็วขึ้น
ตัวอย่าง บริษัทยา Pfizer ได้ร่วมมือกับ IBM ในการใช้ Watson for Drug Discovery ซึ่งเป็น AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์และสิทธิบัตรจำนวนมาก เพื่อระบุโมเลกุลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคหายาก เช่น โรค ALS ช่วยย่นระยะเวลาในการค้นพบยาใหม่จากเดิมหลายปีเหลือเพียงไม่กี่เดือน
ในด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล AI ก็ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรมสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ติดตามสุขภาพ แนะนำการออกกำลังกายและโภชนาการที่เหมาะสม หรืออุปกรณ์ Wearable ที่ช่วยเฝ้าระวังสัญญาณชีพและเตือนเมื่อมีความผิดปกติ นอกจากนี้ AI ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพของบุคคลและให้คำแนะนำเพื่อปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
ตัวอย่าง แอป Lark Health Coach ใช้ AI Chatbot ในการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพส่วนบุคคลแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การควบคุมน้ำหนัก การจัดการความเครียด ไปจนถึงการป้องกันโรคเบาหวาน โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนาและข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกเพื่อให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล
ในระดับองค์กรและระบบ AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านสุขภาพ ทั้งในแง่ของการจัดสรรทรัพยากร การคาดการณ์ความต้องการ การบริหารข้อมูลผู้ป่วย ตลอดจนการวางแผนและกำหนดนโยบายสุขภาพ ระบบ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อหารูปแบบและแนวโน้มต่างๆ ช่วยให้หน่วยงานสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น ลดความสูญเปล่าและเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในภาพรวม
ตัวอย่าง ระบบ AI ของ Johns Hopkins Hospital สามารถคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินและระยะเวลาที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลของแต่ละวันได้แม่นยำ ช่วยให้ทีมแพทย์วางแผนจัดสรรเตียงและอุปกรณ์การแพทย์ได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดปัญหาความแออัดในห้องฉุกเฉินและเพิ่มคุณภาพการดูแลได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในธุรกิจสุขภาพก็ยังคงมีความท้าทายและข้อพิจารณาด้านจริยธรรมที่สำคัญ เช่น ความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของอัลกอริทึม ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย ความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงผลกระทบต่อบทบาทและอาชีพของบุคลากรทางการแพทย์ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องมีการหารือและกำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อให้เทคโนโลยี AI สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ ในขณะที่ยังคงคำนึงถึงประเด็นสำคัญเหล่านี้
AI กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจสุขภาพ ตั้งแต่การวินิจฉัยและรักษาโรคที่แม่นยำยิ่งขึ้น การพัฒนายาใหม่ที่รวดเร็วขึ้น ไปจนถึงการปฏิวัตินวัตกรรมสุขภาพส่วนบุคคล และการจัดการระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะยังคงมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา แต่เมื่อนำมาใช้อย่างเหมาะสมและรอบด้านแล้ว AI ก็มีศักยภาพมหาศาลที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชากรได้จริงในอนาคต
อ่านบทความเพิ่มเติม : ประยุกต์ใช้งานหุ่นยนต์ และ AI กับการทำงานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?
อ่าน E-Book เพิ่มเติม : Digital Marketing Trends In 2024 : มัดรวมเทรนด์การตลาดมาแรงในปี 2024 ที่คุณไม่ควรพลาด