ใช้ Digital Marketing เข้ามา Transformation Business ของคุณได้อย่างไร?

ธุรกิจแบบดั้งเดิมกำลังถูกท้าทายจากผู้ประกอบการที่มีความคล่องแคล่ว และเข้าใจเกี่ยวกับการตลาด ในปัจจุบัน “ธุรกิจ” ไม่ใช่พื้นที่ของผู้ที่มีทุนเพียงอย่างเดียว ที่จะเข้ามายึดได้ด้วยระบบที่ทุนสามารถชนะได้ทุกอย่าง หรือที่เรียกว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ได้อย่างเคย เรากำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า “ปลาเร็วกินปลาช้า” คือผู้ที่ปรับตัวได้เร็วกว่าจะเป็นผู้ชนะ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างมองหาช่องทาง หรือพยายามที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในธุรกิจกันมากขึ้น “เพื่อทำสิ่งมีอยู่ให้เป็นสิ่งที่ดีกว่า” พยายามสร้างแนวทางการตลาดที่เน้นสร้างประสบการณ์ของลูกค้า ตอบสนองต่อความต้องการให้เกิดความพึงพอใจมากที่สุดเพราะ “ลูกค้า” คือส่วนสำคัญที่สุดของการเติบโตในระยะยาว

การเกิด Digital Transformation มีผลอย่างไรกับธุรกิจของคุณ?

Digital Transformation เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างกระบวนการใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเป็นการพัฒนากับบริการที่มี ให้มาอยู่ในรูปแบบของดิจิทัล อย่าง ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจเพลง ที่เรารู้จักกันในนามของ Grab, Netflix และ Spotify ตามลำดับ ธุรกิจเกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ไม่ได้เสนอตัวสินค้าหรือบริการที่แตกต่างออกไป แต่เป็นการปรับรูปแบบการขายที่แตกต่าง คือไม่ได้ขึ้นอยู่กับ What your sales แต่ขึ้นอยู่กับ How to sales และเมื่อรูปแบบการบริโภคเปลี่ยนไป ธุรกิจเดิมที่เคยเป็นเจ้าของตลาดเกิด “หยุดชะงัก” หรือ Disruption แต่อาจจะไม่ได้หายไปในทีเดียว แต่จะค่อยๆ ถูกกลืนหายไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต่างๆ เป็นกังวลกันอย่างมาก

ไม่ใช่เพียงแค่ “ธุรกิจบริการ” ที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะดิจิทัล

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ไม่ใช่เพียงแค่สามารถพัฒนาบริการเดิมเพียงอย่างเดียว แต่คุณสามารถใช้ดิจิทัลเข้ามาปรับเปลี่ยน กับแผนการตลาด เพื่อสร้างแผนกลยุทธ์การตลาดที่ดีกว่าเดิม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงจำเป็นต้องใช้ Digital Marketing เข้ามา Transformation Business ของคุณ

Digital Marketing ทำให้ขนาดไม่สำคัญอีกต่อไป

ถึงแม้คุณจะมีธุรกิจที่ไม่ใหญ่มาก หรือแม้แต่ Startup ก็สามารถใช้ Digital Marketing ได้ไม่ต่างจากธุรกิจใหญ่ๆ ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสเข้าสู่ตลาด ทำให้คุณสามารถแข่งขันกับธุรกิจใหญ่ๆ ได้ ดังนั้นขนาดของธุรกิจก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

Digital Marketing คุ้มค่ากับการลงทุนกว่าการตลาดแบบเดิม

ถ้าธุรกิจของคุณไม่ใช่ธุรกิจใหญ่ ไม่มีเงินทุนมากพอในการที่จะโฆษณาเพื่อส่งเสริมการตลาด Digital Marketing ช่วยให้คุณประหยัดทรัพยากรทั้งคน และเวลา โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเมื่อเทียบกับการตลาดแบบเดิมๆ เรียกได้ว่า คุ้มค่ากับการลงทุน

Digital Marketing ช่วยกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

ด้วยเครื่องมือและวิธีการกำหนด Target Audiences ทำให้คุณสามารถ กำหนด Customer Persona ของตัวเองได้ โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจนั้นๆ  เพื่อให้ง่ายต่อการสร้าง Segment Marketing สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถทำ Remarketing กลับไปหาลูกค้ากลุ่มนั้นๆ ได้อีกด้วย

Digital Marketing สามารถวัดผลเป็น Conversion

เราสามารถวัดผลของความสำเร็จ ของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนออนไลน์ได้อย่างชัดเจน โดยใช้เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขาย การบริการ โซเชียลมีเดีย คอนเทนต์ และอื่นๆ มาอยู่ในรูปแบบของตัวเลข และอัตราส่วน เพื่อนำ Result ที่เกิดขึ้นมาใช้วิเคราะห์แคมเปญทางการตลาดเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะของบริษัทได้

Digital Marketing ให้ผลตอบแทนต่อการลงทุน ROI ที่ดีกว่า

การทำ Digital Marketing จะช่วยสร้าง Traffic เพื่อ Convert มาเป็นยอดขาย ด้วยกระบวนการการวิเคราะห์และปรับปรุงผลแบบ Continuous Improvement  ที่แน่นอนจะทำให้ ROI ดีขึ้นในระยะยาว หากมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีที่สุด

91% ของธุรกิจส่วนใหญ่ที่ทำการตลาด “ล้มเหลว” เป็นเพราะขาดแผนการตลาดที่ดี การมีแผนจะช่วยทำให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ในการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Digital Marketing ช่วยให้คุณพัฒนาผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
Continuous Improvement เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดในการทำ Digital Marketing บางทีการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับคนอื่น อาจไม่สำคัญ เท่ากับการปรับผลลัพธ์ที่ออกมาในแต่ละเดือนให้ดีขึ้น เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อแก้ไขปัญหาที่พบ เพราะจริงๆ แล้วไม่มีสูตรสำเร็จโดยตรง ไม่มีใครสามารถบอกคุณได้ว่าต้องทำอะไรบ้างตามลำดับตามนี้ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน การทำ Digital Marketing ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการทดลอง และปรับปรุงแก้ไข และนี่คือข้อดีของการทำ Digital Marketing เพราะสามารถเห็นผลได้เร็ว และปรับปรุงได้ทันที

อ่านบทความเพิ่มเติม : เทคนิคการรับมือกับ DISRUPTIVE CHALLENGER: คู่แข่งที่คุณต้องรู้ในยุคดิจิทัล