Digital Blog - Ourgreenfish

Goal Completion Rate Metrics กับการตั้งเป้าหมายที่ชาญฉลาด

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 26 ต.ค. 2024, 6:00:00

Goal Completion Rate Metrics เพราะการตั้งเป้าหมายเป็นหัวใจสำคัญของทุกกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการวัดผลและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน การตั้งเป้าหมายไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการสร้างความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการวัดผลและปรับปรุงแผนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยหนึ่งในตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพในการวัดความสำเร็จของการตั้งเป้าหมายคือ Goal Completion Rate Metrics (GCR) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบว่าคุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้มากน้อยเพียงใด

Goal Completion Rate Metrics คืออะไร?

Goal Completion Rate (GCR) เป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงสัดส่วนของผู้ใช้ที่ทำตามเป้าหมายหรือขั้นตอนที่กำหนดไว้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น เป้าหมายอาจเป็นการลงทะเบียนสมาชิก การทำคำสั่งซื้อ หรือการกรอกฟอร์มข้อมูล ตัวชี้วัด GCR นี้มีความสำคัญในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ว่ากลยุทธ์หรือกระบวนการที่ตั้งไว้สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่

ตัวอย่างเช่น หากมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ 1,000 คน และในจำนวนนั้นมี 150 คนที่ทำการซื้อสินค้าเสร็จสิ้น GCR จะเท่ากับ 15% ซึ่งบ่งบอกว่าจากผู้ใช้ทั้งหมด 15% บรรลุเป้าหมาย

ความสำคัญของ Goal Completion Rate Metrics ในการทำธุรกิจ

การวัด Goal Completion Rate Metrics ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์ การปรับปรุง UX/UI ของเว็บไซต์ หรือกระบวนการขาย การที่คุณรู้ว่า GCR ของคุณอยู่ในระดับใดสามารถช่วยในการตัดสินใจได้ว่าคุณควรปรับปรุงส่วนใดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างตรงจุด

ยิ่งไปกว่านั้น การวัด GCR ยังสามารถบ่งบอกถึงความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ หาก GCR สูง นั่นหมายความว่าธุรกิจของคุณสามารถดึงดูดและเปลี่ยนผู้ใช้ให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หาก GCR ต่ำ คุณอาจต้องพิจารณาแนวทางใหม่ในการปรับปรุงกระบวนการและกลยุทธ์

ประเภทของเป้าหมายที่สามารถวัดด้วย Goal Completion Rate Metrics

  1. การซื้อสินค้า (Purchase Completion): หนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ E-commerce คือการทำคำสั่งซื้อ GCR สามารถใช้ในการวัดว่าจำนวนผู้ใช้ที่เข้ามาในเว็บไซต์มีจำนวนกี่คนที่ทำการซื้อสินค้าเสร็จสิ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบว่าการตลาดและกระบวนการขายของคุณมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด

  2. การลงทะเบียน (Sign-up Completion): หากธุรกิจของคุณมุ่งเน้นในการเพิ่มจำนวนสมาชิกหรือผู้ใช้ที่ลงทะเบียน GCR สามารถใช้ในการวัดว่ามีจำนวนผู้ใช้กี่คนที่เข้ามาและทำการลงทะเบียนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

  3. การกรอกฟอร์ม (Form Completion): เป้าหมายบางธุรกิจอาจเป็นการให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลผ่านฟอร์มต่างๆ เช่น ฟอร์มการติดต่อหรือการขอใบเสนอราคา GCR สามารถใช้ในการวัดว่ามีผู้ใช้ที่ทำฟอร์มเสร็จสิ้นกี่คนจากจำนวนผู้ใช้ที่เข้ามาในเว็บไซต์

  4. การดาวน์โหลดเอกสาร (Download Completion): สำหรับธุรกิจที่เสนอเนื้อหาหรือเอกสารเพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลด GCR จะเป็นตัววัดผลที่ดีว่ามีผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดเอกสารตามที่ตั้งเป้าหมายไว้มากน้อยเพียงใด

การตั้งเป้าหมายที่ชาญฉลาดด้วย Goal Completion Rate Metrics

การตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นไม่เพียงแค่การสร้างตัวเลขที่ต้องการบรรลุ แต่ยังต้องอิงจากข้อมูลที่มีการวิเคราะห์มาแล้วอย่างละเอียด โดยการตั้งเป้าหมายที่ชาญฉลาดสามารถทำได้ตามหลัก SMART Goals ที่มีองค์ประกอบดังนี้:

  • S (Specific): เป้าหมายต้องมีความชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เช่น การเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 500 คนในเดือนหน้า
  • M (Measurable): เป้าหมายต้องสามารถวัดผลได้ เช่น จำนวนการสมัครสมาชิกหรือจำนวนการซื้อสินค้า
  • A (Achievable): เป้าหมายต้องเป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริง ไม่ตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปจนไม่สามารถบรรลุได้
  • R (Relevant): เป้าหมายต้องมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจและตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร
  • T (Time-bound): เป้าหมายต้องมีระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น การบรรลุเป้าหมายภายในไตรมาสถัดไป

การใช้ Goal Completion Rate Metrics ควบคู่กับการตั้งเป้าหมายแบบ SMART จะช่วยให้คุณสามารถติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้

วิธีเพิ่ม Goal Completion Rate (GCR)

  1. ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI): ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ดีบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมาย หากผู้ใช้เจอความยุ่งยากหรือความสับสนในการใช้งาน อาจทำให้พวกเขาละทิ้งขั้นตอนกลางทาง ดังนั้นการปรับปรุง UX/UI เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายขึ้นจะช่วยเพิ่ม GCR ได้

  2. การตลาดเชิงเนื้อหา (Content Marketing): การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น บทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือการใช้งาน รวมถึงคำเรียกร้องให้ดำเนินการ (Call to Action - CTA) ที่ชัดเจนและน่าสนใจ

  3. ลดขั้นตอนในการทำคำสั่งซื้อ: หากเป้าหมายคือการทำคำสั่งซื้อ การลดขั้นตอนในการกรอกข้อมูลหรือการทำธุรกรรมจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการซื้อได้ง่ายขึ้น การเพิ่มวิธีการชำระเงินหลายรูปแบบหรือใช้ข้อมูลการกรอกอัตโนมัติสามารถเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย

  4. ใช้การทดสอบ A/B Testing: การทดสอบ A/B Testing สามารถช่วยให้คุณทราบว่าองค์ประกอบใดของหน้าเว็บหรือแคมเปญที่ทำให้ผู้ใช้ทำตามเป้าหมายมากที่สุด การทดสอบนี้สามารถปรับแต่ง CTA, รูปภาพ, หรือข้อความให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้

Goal Completion Rate Metrics (GCR) เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของการดำเนินงานต่างๆ ของธุรกิจ การตั้งเป้าหมายที่ชาญฉลาดและการใช้ GCR ในการติดตามผลลัพธ์จะช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการและกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติม : 

100 Metrics ทางการตลาดและการบริหารลูกค้า สำหรับ Tech Startup business