Digital Blog - Ourgreenfish

KPIs vs Metrics : ทำความเข้าใจความแตกต่าง พร้อมยกตัวอย่าง

Written by OURGREENFISH TEAM | 30 ก.ค. 2024, 7:00:00

ในโลกของการตลาดดิจิทัลและธุรกิจสมัยใหม่ เราจะได้ยินคำว่า KPIs และ Metrics อยู่บ่อยครั้ง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสองคำนี้มีความหมายและบทบาทที่แตกต่างกันอย่างไร? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยและทำความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง พร้อมยกตัวอย่างที่ช่วยให้คุณนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

เจาะลึก Metrics: ตัวชี้วัดที่บอกเล่าเรื่องราวของธุรกิจ

Metrics คือตัวเลขหรือข้อมูลที่ใช้วัดและติดตามผลการดำเนินงานในด้านต่างๆ ของธุรกิจ เปรียบเสมือนเข็มทิศที่ชี้ทางให้เราเห็นว่าธุรกิจกำลังเดินไปในทิศทางใด Metrics ครอบคลุมข้อมูลทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ อัตราการคลิก หรือแม้แต่ระยะเวลาที่ลูกค้าใช้บนแพลตฟอร์มของเรา

ความสำคัญของ Metrics อยู่ที่การให้ภาพรวมที่ครบถ้วนของธุรกิจ ช่วยให้เราเห็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพประจำปีที่ช่วยให้เราทราบสถานะปัจจุบันของร่างกาย

ตัวอย่าง Metrics ที่น่าสนใจ:

  1. จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อวัน
  2. อัตราการเปิดอีเมล (Email Open Rate)
  3. ยอดขายรายเดือน
  4. จำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย
  5. ระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์

Metrics เหล่านี้ให้ข้อมูลที่มีค่า แต่เพียงแค่นั้นอาจไม่เพียงพอในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย นี่คือจุดที่ KPIs เข้ามามีบทบาทสำคัญ

KPIs: เป้าหมายที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ

Key Performance Indicators หรือ KPIs คือตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักที่สะท้อนถึงความสำเร็จของเป้าหมายทางธุรกิจ KPIs ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นตัวชี้วัดที่ถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กร

KPIs มักจะมีลักษณะเฉพาะ ดังนี้:

  1. สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของธุรกิจ
  2. วัดผลได้และมีกำหนดเวลาชัดเจน
  3. มีความสำคัญสูงต่อความสำเร็จขององค์กร
  4. สามารถนำไปปฏิบัติและปรับปรุงได้จริง
  5. เป็นที่เข้าใจและยอมรับร่วมกันในองค์กร

ตัวอย่าง KPIs ที่น่าสนใจ:

  1. อัตราการเติบโตของรายได้ (Revenue Growth Rate)
  2. อัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retention Rate)
  3. ต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ (Customer Acquisition Cost)
  4. อัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate)
  5. ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Score)

KPIs vs Metrics: ความแตกต่างที่สำคัญ

แม้ว่า KPIs และ Metrics จะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้:

  1. เป้าหมายและวัตถุประสงค์
    • Metrics: ให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในด้านต่างๆ
    • KPIs: มุ่งเน้นที่ตัวชี้วัดสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของธุรกิจ
  2. ความเฉพาะเจาะจง
    • Metrics: ครอบคลุมข้อมูลที่หลากหลาย อาจไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับเป้าหมายหลัก
    • KPIs: เลือกเฉพาะตัวชี้วัดที่สำคัญและส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของธุรกิจ
  3. การนำไปใช้
    • Metrics: ใช้ในการติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานทั่วไป
    • KPIs: ใช้ในการวัดความสำเร็จและกำหนดทิศทางกลยุทธ์ขององค์กร
  4. ความสำคัญ
    • Metrics: มีความสำคัญในการให้ข้อมูลเชิงลึก แต่อาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
    • KPIs: มีความสำคัญสูงในการขับเคลื่อนการตัดสินใจและการวางแผนกลยุทธ์
  5. จำนวน
    • Metrics: มีจำนวนมาก ครอบคลุมทุกแง่มุมของธุรกิจ
    • KPIs: มีจำนวนจำกัด เน้นเฉพาะตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด

การประยุกต์ใช้ KPIs และ Metrics ในธุรกิจจริง

เพื่อให้เข้าใจการใช้งาน KPIs และ Metrics ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซกัน

สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลนขายเสื้อผ้าแฟชั่น คุณอาจมี Metrics มากมาย เช่น:

  • จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อวัน
  • จำนวนสินค้าที่ขายได้ต่อเดือน
  • จำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดีย
  • อัตราการคลิกโฆษณา
  • ระยะเวลาเฉลี่ยที่ลูกค้าใช้บนเว็บไซต์

Metrics เหล่านี้ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่ไม่ได้บอกว่าธุรกิจของคุณกำลังประสบความสำเร็จหรือไม่

ในขณะเดียวกัน KPIs ของคุณอาจเป็น:

  1. อัตราการเติบโตของรายได้: เป้าหมาย 20% ต่อปี
  2. อัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า: เป้าหมาย 3%
  3. มูลค่าเฉลี่ยต่อออเดอร์: เป้าหมาย 1,500 บาท
  4. อัตราการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า: เป้าหมาย 40% ภายใน 6 เดือน
  5. อัตรากำไรขั้นต้น: เป้าหมาย 30%

KPIs เหล่านี้สะท้อนถึงเป้าหมายหลักของธุรกิจคุณ ซึ่งอาจเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืน การเพิ่มความภักดีของลูกค้า และการรักษาความสามารถในการทำกำไร

การใช้ KPIs และ Metrics ร่วมกันอย่างชาญฉลาด

การใช้ KPIs และ Metrics ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณเข้าใจธุรกิจได้อย่างลึกซึ้งและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ยกตัวอย่างเช่น:

  1. หากอัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า (KPI) ต่ำกว่าเป้าหมาย คุณอาจต้องวิเคราะห์ Metrics อื่นๆ เช่น อัตราการออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate) หรือเวลาเฉลี่ยที่ใช้บนหน้าสินค้า เพื่อหาสาเหตุและปรับปรุง
  2. ถ้าอัตราการเติบโตของรายได้ (KPI) สูงกว่าเป้าหมาย แต่อัตรากำไรขั้นต้น (KPI) ลดลง คุณอาจต้องตรวจสอบ Metrics เกี่ยวกับต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพ
  3. หากมูลค่าเฉลี่ยต่อออเดอร์ (KPI) ต่ำกว่าเป้าหมาย คุณอาจต้องวิเคราะห์ Metrics เช่น จำนวนสินค้าต่อออเดอร์ หรืออัตราการคลิกดูสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนกลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย

การเลือกและปรับใช้ KPIs และ Metrics ที่เหมาะสม

การเลือก KPIs และ Metrics ที่เหมาะสมเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยความเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  1. เป้าหมายระยะยาวของธุรกิจ: KPIs ควรสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายระยะยาว
  2. ลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรม: แต่ละอุตสาหกรรมอาจมี KPIs และ Metrics ที่สำคัญแตกต่างกัน
  3. ขนาดและระยะของธุรกิจ: Startup อาจเน้น KPIs ด้านการเติบโต ในขณะที่บริษัทที่เติบโตเต็มที่แล้วอาจเน้นที่กำไรและประสิทธิภาพ
  4. ความสามารถในการวัดผล: KPIs และ Metrics ที่เลือกควรสามารถวัดผลได้จริงและมีความแม่นยำ
  5. ความเรียบง่ายและความเข้าใจง่าย: ตัวชี้วัดที่ดีควรสื่อสารได้ง่ายและเข้าใจได้ทั่วทั้งองค์กร

เมื่อคุณได้เลือก KPIs และ Metrics ที่เหมาะสมแล้ว การนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้คือแนวทางที่จะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากตัวชี้วัดเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่:

  1. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก KPIs และ Metrics ในการตัดสินใจ สร้างความโปร่งใสโดยการแบ่งปันข้อมูลและผลลัพธ์อย่างสม่ำเสมอ
  2. ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม ลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูลและแดชบอร์ดที่ช่วยให้คุณติดตาม KPIs และ Metrics ได้แบบเรียลไทม์ เช่น Google Analytics, Tableau หรือ Power BI
  3. ทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ธุรกิจและสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นควรทบทวน KPIs และ Metrics เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงสอดคล้องกับเป้าหมายและสถานการณ์ปัจจุบัน
  4. เชื่อมโยง KPIs กับการให้รางวัลและผลตอบแทน สร้างแรงจูงใจให้พนักงานโดยการเชื่อมโยง KPIs กับระบบการให้รางวัลและผลตอบแทน แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดการบิดเบือนพฤติกรรมเพื่อให้ได้ตัวเลขที่ดี
  5. ใช้การเล่าเรื่องด้วยข้อมูล (Data Storytelling) ไม่เพียงแค่นำเสนอตัวเลข แต่ใช้ KPIs และ Metrics ในการเล่าเรื่องราวของธุรกิจ ช่วยให้ทุกคนเข้าใจความหมายและความสำคัญของข้อมูลมากขึ้น

ความท้าทายในการใช้ KPIs และ Metrics

แม้ว่า KPIs และ Metrics จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีความท้าทายที่ควรระวัง:

  1. การวัดผลมากเกินไป (Over measuring) การติดตาม Metrics มากเกินไปอาจทำให้เกิดความสับสนและไขว้เขว ควรเน้นที่ KPIs ที่สำคัญจริงๆ และ Metrics ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า
  2. การเน้นเป้าหมายระยะสั้นมากเกินไป KPIs บางอย่างอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีในระยะสั้นแต่ส่งผลเสียในระยะยาว ต้องสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
  3. การละเลยปัจจัยเชิงคุณภาพ KPIs และ Metrics มักเน้นที่ข้อมูลเชิงปริมาณ แต่ไม่ควรละเลยปัจจัยเชิงคุณภาพ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้าหรือวัฒนธรรมองค์กร
  4. การเปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสม การเปรียบเทียบ KPIs กับคู่แข่งหรืออุตสาหกรรมอาจมีประโยชน์ แต่ต้องแน่ใจว่าเป็นการเปรียบเทียบที่เหมาะสมและคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกัน
  5. การขาดความยืดหยุ่น การยึดติดกับ KPIs มากเกินไปอาจทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน

อนาคตของ KPIs และ Metrics ในยุคดิจิทัล

ในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ KPIs และ Metrics จะยิ่งทวีความสำคัญ แนวโน้มที่น่าสนใจในอนาคตมีดังนี้:

  1. การใช้ AI และ Machine Learning เทคโนโลยี AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อระบุ KPIs ที่สำคัญและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
  2. Real-time KPIs ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เราจะเห็นการใช้ KPIs แบบเรียลไทม์มากขึ้น ช่วยให้ธุรกิจตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  3. KPIs ที่เน้นความยั่งยืน ธุรกิจจะให้ความสำคัญกับ KPIs ที่วัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น สอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance)
  4. การบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง KPIs และ Metrics ในอนาคตจะรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งเข้าด้วยกัน ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อให้ภาพรวมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
  5. Personalized KPIs องค์กรจะเริ่มใช้ KPIs ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยคำนึงถึงบทบาท ความรับผิดชอบ และเป้าหมายส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน

KPIs และ Metrics เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจวัดผล ติดตาม และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ทั้งสองส่วนนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้ภาพรวมที่สมบูรณ์ของธุรกิจ

การเลือกและใช้ KPIs และ Metrics อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณ:

  • เข้าใจสถานะปัจจุบันของธุรกิจ
  • ระบุโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนา
  • ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์บนพื้นฐานของข้อมูล
  • สื่อสารเป้าหมายและความคาดหวังภายในองค์กรได้อย่างชัดเจน
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นผลลัพธ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในท้ายที่สุด การใช้ KPIs และ Metrics อย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เพียงแค่การวัดผล แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ด้วยการใช้ KPIs และ Metrics อย่างชาญฉลาด ธุรกิจของคุณจะมีเข็มทิศที่แม่นยำในการนำทางสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

อ่านบทความเพิ่มเติม : 100 METRICS ทางการตลาดและการบริหารลูกค้า สำหรับ TECH STARTUP BUSINESS

อ่าน E-Book เพิ่มเติม : Digital Marketing Trends In 2024 : มัดรวมเทรนด์การตลาดมาแรงในปี 2024 ที่คุณไม่ควรพลาด