Master Blog - Ourgreenfish

3 ระดับ Automation ที่ธุรกิจควรอัปเกรด

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 11 ธ.ค. 2025, 6:00:00

ในยุคที่การทำงานต้องเร็ว แม่นยำ และพร้อมขยายผลได้ (scalable) การอัปเกรดระบบ Automation คือรากฐานสำคัญของการเติบโตแบบยั่งยืน หลายธุรกิจในไทยยังติดอยู่กับงานแบบ Manual หรือทำอัตโนมัติแค่บางส่วน ซึ่งจำกัดความเร็ว ความแม่นยำ และต้นทุนการดำเนินงานโดยรวม

เพื่อให้ผู้บริหารมองภาพได้ชัดเจน นี่คือ 4 ระดับ Automation : Manual → Assisted → Partial → Full Automation 

ระดับที่ 1: Manual (ทำงานแบบใช้แรงคนทั้งหมด)

องค์กรจำนวนมากยังอยู่ในระดับนี้—ข้อมูลกระจัดกระจาย ทำงานผ่าน Excel หรือไลน์กลุ่ม และต้องใช้คนตรวจซ้ำหลายรอบ ความผิดพลาดจึงเกิดบ่อย และผู้จัดการไม่มีข้อมูลแบบ Real-time ในการตัดสินใจ

สัญญาณว่าธุรกิจคุณยังอยู่ระดับ Manual

  • ต้องกรอกข้อมูลซ้ำหลายระบบ
  • การอนุมัติใช้เวลาเพราะต้องไล่เอกสาร
  • รายงานต้องสร้างด้วยมือ
  • งานที่ควรอัตโนมัติ เช่น Follow-up ลูกค้า ยังต้องใช้แรงคนทำ

ระดับนี้เหมือน Toyota ก่อนยุค Lean ที่ยังมี “Waste” หลายรูปแบบ เช่น Over-processing และ Excess Motion ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งประสิทธิภาพอย่างมาก

ระดับที่ 2: Assisted Automation (มีระบบช่วย แต่ยังต้องพึ่งคน)

คือช่วงเริ่มต้นของการปรับตัว องค์กรอาจใช้ CRM หรือ Workflow บางส่วน แต่ยังต้องใช้แรงคนในการควบคุม เช่น ต้องกดปุ่มส่งงาน สร้างรายงานเอง หรือคอยตรวจแก้ความผิดพลาดที่ระบบยังไม่รองรับ

ตัวอย่างงานที่อยู่ระดับ Assisted

  • ระบบแจ้งเตือน (Notification) แต่ต้องให้พนักงานเป็นคนดำเนินการ
  • มีการเก็บข้อมูลใน CRM แต่ยังไม่วิเคราะห์อัตโนมัติ
  • เริ่มใช้ Automation เบื้องต้น เช่นส่งอีเมลอัตโนมัติเป็นบาง Flow

ระดับนี้ช่วยลดความผิดพลาดได้ แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจที่ต้องการความเร็วสูง

ระดับที่ 3: Partial Automation (อัตโนมัติ 40–70% ของกระบวนการ)

คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ธุรกิจเริ่ม “สัมผัสผลลัพธ์เชิงตัวเลข” จากการปรับกระบวนการ เช่น ลด Lead Time ลดต้นทุน และเพิ่ม Throughput

  • Toyota ใช้ Lean + JIT + Kaizen เพื่อลด Waste หลายหมวด เช่น Overproduction, Waiting time และ Defects ทำให้ผลิตได้เร็วขึ้น มีคุณภาพสูงขึ้น และลดต้นทุนตามธรรมชาติ 
  • ระบบของ Toyota ถือเป็น Partial Automation เพราะมีการใช้ Jidoka (Automation with a human touch) อัตโนมัติบางส่วน แต่ยังมีมนุษย์คอยตรวจสอบและปรับปรุงในแนว Kaizen อยู่เสมอ

ผลลัพธ์แบบที่ธุรกิจไทยมักได้เมื่อเข้าสู่ Partial Automation

  • ลดข้อผิดพลาด (Human Error) ได้ 20–40%
  • ลดเวลาทำงานซ้ำ ๆ 30–60%
  • มีข้อมูล Real-time เพื่อใช้วิเคราะห์การตัดสินใจ

Partial Automation คือระดับที่เริ่มเห็น ROI ชัดเจนที่สุด และเป็นฐานสู่การพัฒนาไปสู่ Full Automation

ระดับที่ 4: Full Automation (อัตโนมัติเต็มรูปแบบ)

ระดับสูงสุดที่กระบวนการ “ทำงานด้วยตัวเอง” ตั้งแต่รับข้อมูล ประมวลผล ไปจนถึงตัดสินใจเบื้องต้น และแจ้งผลกลับโดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์ยุ่งเกี่ยว

  • General Electric (GE) ใช้ Six Sigma เพื่อกำจัด Variability และ Defects จนสามารถควบคุมคุณภาพแบบเข้มงวด ลดข้อผิดพลาดเชิงกระบวนการได้อย่างมหาศาล 
  • Six Sigma + DMAIC ทำให้ GE บรรลุผลลัพธ์ในระดับ “Consistent Quality” ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของ Full Automation

คุณสมบัติของ Full Automation

  • ระบบรู้เองว่าเมื่อใดต้องดำเนินการ
  • ระบบเรียนรู้จากข้อมูลเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
  • ผู้จัดการมีข้อมูลวิเคราะห์แบบ Predictive ไม่ใช่แค่รายงานย้อนหลัง
  • ลดต้นทุนเชิงกระบวนการสูงที่สุด

Full Automation ต้องการทั้งเทคโนโลยีและ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่พร้อม เช่น Kaizen และ Continuous Improvement แบบ Toyota เพื่อทำให้ระบบอัตโนมัติทำงานได้เต็มศักยภาพ

ธุรกิจไทยอยู่ระดับ Automation ไหน? 

  1. กระบวนการมี Dependency กับคนมากแค่ไหน?
    ถ้ามีคนเป็นตัวเชื่อมทุกจุด แปลว่ายังเป็น Manual หรือ Assisted
  2. ความผิดพลาดเกิดจากมนุษย์กี่เปอร์เซ็นต์?
    ถ้ายังเกิดบ่อย แปลว่าระบบยังไม่ Partial Automation
  3. ข้อมูล Real-time และระบบตรวจจับปัญหาอัตโนมัติมีไหม?
    หากไม่มี แสดงว่ายังไม่ถึง Full Automation

Roadmap สู่ Full Automation ด้วย CRM และ Workflow

จากบทเรียนของ Toyota และ GE การอัปเกรด Automation ต้องทำแบบเป็นขั้นตอน ไม่ใช่ข้ามระดับทันที

Step 1 – Process Mapping

จัดแผนผังกระบวนการทั้งหมด แล้วระบุ Waste ตามแนว Lean เช่น Waiting, Over-processing, Motion 

Step 2 – Identify Variation

ใช้แนวคิดของ GE: DMAIC (Define–Measure–Analyze–Improve–Control) เพื่อลดความผันผวนที่ทำให้ระบบอัตโนมัติทำงานผิดพลาด 

Step 3 – Automate Quick Wins

เริ่มจากงานซ้ำ ๆ เช่น Follow-up, การสร้าง Ticket, การแจ้งเตือน และงานหลังบ้าน

Step 4 – Integrate AI & Data

ใช้ CRM ที่มี AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ช่วยจัดลำดับงาน หรือคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า

Step 5 – Continuous Improvement (Kaizen)

ทำอย่าง Toyota: ปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ Automation แม่นขึ้นเรื่อย ๆ 

Toyota และ GE แสดงให้เห็นตรงกันว่า การอัปเกรด Automation ไม่ได้หมายถึงแค่ใช้เทคโนโลยี แต่คือการสร้างระบบที่ลดความสูญเปล่า ควบคุมคุณภาพ และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวขององค์กร

องค์กรที่อัปเกรดจาก Manual → Assisted → Partial → Full Automation ตามลำดับ จะสามารถ

  • ลดต้นทุน
  • เพิ่มคุณภาพ
  • เพิ่มความเร็ว
  • เพิ่มความสามารถแข่งขัน
    และสร้าง “Operational Excellence” ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

อ้างอิง : Success Blueprints. (2024). Process Improvement Success Stories by Success Blueprints. Retrieved from https://successblueprints.co/shop/process-improvement-success-stories/

อ่านบทความเพิ่มเติม : MARKETING AUTOMATION คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้างในการทำ DIGITAL MARKETING

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com