Master Blog - Ourgreenfish

5 เหตุผลสำคัญที่คุณควรใช้ MarTech เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - Sep 22, 2021 9:49:14 AM

เมื่อโลกของการตลาดในยุคปัจจุบัน กำลังพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า หลาย ๆ ธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน เราจะเห็นได้ว่า MarTech เริ่มเข้าไปเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนให้ความสนใจในเรื่องของข้อมูล หรือ Data ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของ MarTech โดยเริ่มวางแผนตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล, การจัดเก็บข้อมูล ไปจนถึงการนำข้อมูลไปใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจในด้านต่าง ๆ

ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และความคาดหวังที่มากขึ้นเรื่อย ๆ  ธุรกิจจึงมีความจำเป็นที่ต้องมอนิเตอร์แบบเรียล-ไทม์ และนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนา และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตอบสนองความต้องการ และความคาดหวังของผู้บริโภค เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีของผู้บริโภคในทุก ๆ จุด Touchpoint 

นอกจาก MarTech จะช่วยในด้านการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคแล้วนั้น ยังช่วยในเรื่องของประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรอีกด้วย เนื่องจากเครื่องมือของ MarTech สามารถทำให้ฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กรทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้ฐานข้อมูลเดียวกันในการตัดสินใจว่าจะดำเนินงานไปตามทิศทางไหน ทำให้มีเป้าหมายไปในทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของขั้นตอนการทำงาน อย่างเช่น การใช้ระบบ Marketing Automation ที่สร้างความสะดวกให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น 

โดย MarTech นั้นให้ความสำคัญกับการรวมระบบ หรือที่เรียกกันว่า MarTech Stacks เนื่องจาก MarTech จะไม่สามารถทำงานได้ หากแพลตฟอร์มการตลาดต่าง ๆ ไม่เชื่อมต่อกัน, ไม่สื่อสารกัน หรือไม่สามารถทำให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ ซึ่งในการสร้าง MarTech Stack ของธุรกิจต่าง ๆ จะสามารถดูได้ว่า แพลตฟอร์ม และระบบทั้งหมดนั้น เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร และประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้ MarTech นี้ ก็จะเป็นความสำเร็จจากการปรับปรุง และพัฒนากลยุทธ์เมื่อระบบทุกอย่างเริ่มทำงานร่วมกัน

เรามาดูกันดีกว่าว่า 5 เหตุผลที่ทำ Dynamic MarTech Stack มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจนั้นมีอะไรกันบ้าง

1. การปล่อยข้อมูลด้วยเครื่องมือ Analytics

ข้อมูล หรือ Data คือ กุญแจสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล จะเห็นได้ว่านักการตลาดสามารถข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น จากการวิจัยของ Gartner พบว่า 76% ของนักการตลาดใช้ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ

โดยข้อมูลเป็นทรัพยากรที่มีการพัฒนาอยู่เสมอและสามารถแสดงออกมาให้เห็นเป็นภาพ และส่งมอบคุณค่าให้กับธุรกิจได้ นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมการวิเคราะห์ข้อมูลถึงสำคัญกับองค์กรในปัจจุบัน

แคมเปญทางการตลาดที่ใช้ข้อมูลในการทำ Personalization จะสร้าง ROI ให้เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ซึ่งองค์กรต่าง ๆ ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ใน MarTech Stack เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เรื่องวัฒนธรรมองค์กรนั้นก็มีความสำคัญไ่ม่แพ้กัน หากองค์กรใดต้องการประสบความสำเร็จในการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ก็จำเป็นต้องเอาการวิเคราะห์เข้ามาเป็นหัวใจหลักของบริษัท และต้องไม่มีอคติในการตัดสินใจ รู้จักขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเลือกใช้ MarTech Stack ที่เหมาะสม

2. การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบ Marketing Automation 

ด้วยจุด Touchpoint และ Micro Moment มากมาย ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ แบรนด์จึงจำเป็นต้องรักษาตัวตนของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และอยู่ในใจของผู้บริโภคให้ได้ วิธีเดียวที่ในการรับมือและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในยุคดิจิทัล คือ การทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ
ซึ่งการปล่อยข้อความแบบ one size fits all ในวงกว้าง ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะผู้บริโภคจะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขาไม่สนใจ หรือไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น

Automation หรือระบบอัตโนมัติ ช่วยให้นักการตลาดเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ ด้วยการส่งข้อความที่เฉพาะบุคคล (Personalized) และมีความเกี่ยวข้อง (Relevant) เฉพาะบุคคล

    • 75% ของนักการตลาดใช้ระบบ Marketing Automation ในปัจจุบัน
    • 70% ของบริษัท รายงานว่า การสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของ Automation
    • ระบบ Marketing Automation ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ถึง 20%  

Marketing Automation เป็นส่วนประกอบสำคัญของ MarTech Stack ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ปรับและเพิ่มสโคปของแคมเปญ ทีมการตลาดจะมีจำนวนกี่คน ก็สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยคุณสามารถวางแผนและสร้างกลยุทธ์ เพื่อเพิ่ม Brand Footprint และกระตุ้นรายได้ในแต่ละขั้นของ Buyer’s Journey ด้วยการใช้ระบบ Marketing Automation นอกจากนี้ ระบบยังช่วยบริษัทในการหาลูกค้า (Customer Acquisition), การรักษาลูกค้า (Customer Retention) และเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถแบ่งลูกค้าตามการใช้จ่าย โดยลูกค้าที่มีคุณค่าสูง (High-Value Customer) ให้ส่งข้อเสนอ และส่วนลดที่เอ็กซ์คลูซีฟไปให้โดยอัตโนมัติ ผ่านแคมเปญ Re-engagement หรือ การกลับไปสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีส่วนร่วมกันมาก่อนหน้านี้

3. การส่งเสริมการเข้าถึง และการมีส่วนร่วม ด้วยการบริหารจัดการ Social Media

Social Media เป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา โดยเป็นช่องทางที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค และเพิ่มยอดขาย จากข้อมูลของ GlobalWebIndex พบว่า 54% ของผู้ใช้ Social Media ได้ค้นคว้าหาข้อมูลของสินค้าผ่าน Social Media เป็นหลัก

แม้ว่า Social Media จะมีความสำคัญ แต่ก็เป็นช่องทางที่หลายบริษัทกำลังล้มเหลว จากข้อมูลของ Smart Insight พบว่า 80% ของบริษัท เชื่อว่า พวกเขากำลังนำเสนอบริการลูกค้าผ่าน Social Media อย่างยอดเยี่ยม แต่มีผู้บริโภคเพียง 8% ที่เห็นด้วย

การสร้างคอนเทนต์ที่สดใหม่, การตอบคำถามของผู้บริโภค และการเพิ่มการเข้าถึง และการมองเห็น ทำได้มากขึ้นด้วย MarTech Stack ที่เหมาะสม โดยเครื่องมือบริหารจัดการ Social Media ช่วยให้บริษัทตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคได้ 

นักการตลาดใช้ MarTech Stack มาช่วยบริหารจัดการ Social Media จะทำให้การปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคเป็นไปอย่างอัตโนมัติและเหมาะสม

  • สามารถกำหนดเวลาและเผยแพร่ คอนเทนต์ได้ตามเวลาที่มีการสร้างการมีส่วนร่วมสูงที่สุด (Engagement)
  • คอนเทนต์ที่ได้รับการมีส่วนร่วมสูง (Engagement) สามารถเผยแพร่ซ้ำได้อัตโนมัติ เพื่อเพิ่มการเข้าถึง (Reach) 
  • สามารถมอนิเตอร์คู่แข่ง ในการช่วยระบุเทรนด์ และหัวข้อยอดนิยม เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ของคุณ

Social Listening กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากขึ้น และการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้บริโภคจะทำให้คุณทราบว่า ผู้คนกำลังพูดอะไรเกี่ยวกับสินค้าของคุณ, แบรนด์ของคุณ และคู่แข่งของคุณ ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่เป็นกลาง เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดได้

4. การใช้ MarTech Stack ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า

จากการศึกษาของ Gartner พบว่า 81% ของนักการตลาด กล่าวว่า พวกเขาคาดหวังว่าจะเอาชนะประสบการณ์ของลูกค้าโดยส่วนใหญ่หรือทั้งหมด ให้ได้ภายใน 2 ปีข้างหน้าและหากไม่มี MarTech Stack ที่ใช้อย่างเหมาะสม บริษัทต่าง ๆ จะไม่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างราบรื่นได้ 

AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากของลูกค้า และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ใช้ได้จริง เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Personalization ออกมา โดยการผสมผสานเครื่องมือ AI-powered analytics ลงไปใน MarTech Stack ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ของนักการตลาด และหลาย ๆ คนก็กำลังพยายามทำกันอยู่

การส่งคอนเทนต์ และข้อความที่เหมาะสมไปยังจุด Touchpoint ต่าง ๆ ของกระบวนการ Buyer’s Journey จะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มี MarTech Stack ที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก MarTech ช่วยให้บริษัทมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล และได้ไปอยู่ใน Micro moment และยังสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้แบบเรียล-ไทม์  

ระบบ Digital Ecosystem ที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกแผนกของธุรกิจที่ต้องติดต่อกับลูกค้านั้น สามารถเข้าถึงข้อมูลที่พวกเขาต้องการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดลูกค้าและต้องเป็นแบบ Personalization เท่านั้น

5. การพัฒนา ROI ด้วยการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Management)

จากการศึกษาของ Forrester Research พบว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจทางด้าน Software มากกว่า 75% กำลังมองหา Solution ในการสร้างความรวดเร็ว, เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ และยกระดับการส่งมอบคอนเทนต์ทางการตลาดให้กับแบรนด์ของพวกเขา 

สำหรับนักการตลาดที่ผลิตวิดีโอ, รูปภาพ, ข้อมูลเสียง และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อตอบสนองทุก ๆ ขั้นตอนของ Buyer’s Journey นั้น สิ่งที่สำคัญ คือ คลังจัดเก็บข้อมูลที่เข้าถึงและจัดการได้ง่าย 

โดยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทีมในหลากหลายพื้นที่ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยการหลีกเลี่ยงการทำซ้ำของสื่อ และการเสียเวลากับการค้นหาสื่อต่าง ๆ ได้ด้วยการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ DAM ช่วยให้นักการตลาดเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและตอบสนองความต้องการได้แบบเฉพาะบุคคล หรือ Personalized ในแต่ละจุด Touchpoint ได้ 

โดยสรุป ในขั้นพื้นฐาน MarTech ช่วยให้แบรนด์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น และพัฒนาชีวิตของลูกค้าด้วยการมีปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ ทั้งยังเพิ่มมูลค่ามากขึ้นในทุก ๆ จุด Touchpoint ทำให้บริษัทสามารถพัฒนา ROI ทางการตลาดได้ รวมไปถึงการเพิ่มยอดขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เป็นจุดสำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน

Source : Thekeenfolks