ธุรกิจต่างมุ่งสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและต่อเนื่อง โมเดล Subscription Based จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในอุตสาหกรรมบันเทิง ซอฟต์แวร์ หรือสินค้าอุปโภคบริโภค สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการนำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับบริการหลังการขาย (After-Sale) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและเพิ่มความภักดีของลูกค้า
Subscription Based คือโมเดลธุรกิจที่ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงสินค้าและบริการในรูปแบบการสมัครสมาชิก โดยมีค่าธรรมเนียมรายเดือน รายปี หรือตามระยะเวลาที่กำหนด โมเดลนี้ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและสร้างความภักดีในระยะยาว
ทำไมต้องเปลี่ยน After-Sale ให้เป็น Subscription Based?
1. สร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง (Recurring Revenue)
บริการหลังการขายแบบดั้งเดิมมักสร้างรายได้ครั้งเดียวเมื่อเกิดการขายหรือการซ่อมแซม การเปลี่ยนมาเป็นบริการสมัครสมาชิกช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
2. เพิ่มความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty)
การสมัครสมาชิกสร้างความสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องระหว่างลูกค้าและแบรนด์ ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับความใส่ใจและการดูแลที่คุ้มค่า
>>> 100 METRICS การบริหารความภักดีของลูกค้า (CUSTOMER LOYALTY) 1
3. ตอบสนองความต้องการในยุคดิจิทัล
ผู้บริโภคยุคใหม่มองหาความสะดวกสบายและบริการที่ปรับแต่งได้ โมเดล Subscription Based ช่วยตอบโจทย์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. แพ็กเกจการบำรุงรักษา (Maintenance Package)
ธุรกิจสามารถเสนอแพ็กเกจดูแลรักษาอุปกรณ์ เช่น การตรวจเช็ค การเปลี่ยนอะไหล่ หรือการซ่อมแซมแบบไม่จำกัดในระยะเวลาสมาชิก
2. การให้คำปรึกษาและสนับสนุน (Consultation and Support)
บริการหลังการขายสามารถรวมถึงการให้คำปรึกษา การอัปเดตซอฟต์แวร์ หรือการให้การสนับสนุนด้านเทคนิคแบบต่อเนื่อง
3. การจัดส่งอุปกรณ์เสริมและผลิตภัณฑ์เสริม (Add-on Products Delivery)
ธุรกิจสามารถจัดส่งอุปกรณ์เสริมหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น หมึกพิมพ์ น้ำยาทำความสะอาด หรือชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนบ่อย
4. บริการพิเศษที่เพิ่มมูลค่า (Premium Services)
เพิ่มบริการพิเศษเฉพาะสมาชิก เช่น การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ก่อนใคร การประกันพิเศษ หรือสิทธิพิเศษในการรับบริการเร็วกว่า
Peloton เสนอการสมัครสมาชิกสำหรับการเข้าถึงคลาสออกกำลังกาย และการสนับสนุนด้านฟิตเนสควบคู่กับการขายอุปกรณ์
AppleCare เสนอแพ็กเกจ AppleCare+ ที่ครอบคลุมการซ่อมแซมและการสนับสนุนที่ลูกค้าสามารถจ่ายเป็นรายเดือนได้
Amazon Prime เพิ่มมูลค่าด้วยบริการจัดส่งฟรี การเข้าถึงสตรีมมิ่ง และข้อเสนอพิเศษเฉพาะสมาชิก
1. วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า
สำรวจความต้องการของลูกค้าในด้านบริการหลังการขาย เช่น อุปกรณ์ที่ต้องดูแลบ่อยหรือปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
2. ออกแบบแพ็กเกจที่หลากหลาย
สร้างแพ็กเกจที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าหลายประเภท เช่น แพ็กเกจพื้นฐานหรือแพ็กเกจพรีเมียม
3. กำหนดราคาอย่างคุ้มค่า
การตั้งราคาต้องสมเหตุสมผล โดยคำนึงถึงคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับและต้นทุนการดำเนินงาน
4. ใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการสมัครสมาชิก
ใช้ระบบ CRM เช่น HubSpot CRM เพื่อจัดการข้อมูลสมาชิก การชำระเงิน และการติดตามบริการ
5. สื่อสารคุณค่าให้ชัดเจน
ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การเล่าเรื่องราวหรือการแสดงให้เห็นว่าบริการของคุณช่วยแก้ปัญหาอย่างไร
การจัดการสมาชิกและการดำเนินงานในโมเดล Subscription Based ต้องการเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ HubSpot CRM ที่สามารถช่วยในหลายด้าน ทั้ง การจัดการข้อมูลสมาชิก การสื่อสารที่สอดคล้อง ด้วยระบบ Automation ของ HubSpot ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งอีเมลแจ้งเตือนหรือข้อเสนอพิเศษให้กับสมาชิกได้อย่างตรงเวลา การติดตามผลและวิเคราะห์ ด้วยแดชบอร์ดที่ครอบคลุม และ การสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจง สมาชิกแต่ละราย
การเปลี่ยนบริการหลังการขายให้เป็นโมเดล Subscription Based ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจที่เหมาะสม การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยี เช่น HubSpot CRM ธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่
อ่านบทความเพิ่มเติม :
สร้างความภักดีที่ยั่งยืน : การออกแบบ LOYALTY PROGRAM ด้วย CRM
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com