ถึงแม้ว่าเรากำลังจะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี แต่เราก็สามารถสรุปและบอกได้ว่าปีนี้ถือเป็นยุคแห่งโลกดิจิทัล Digital Transformation กำลังเป็นที่นิยมและกำลังมาแรงในขณะนี้ และเราก็เริ่มเห็นหลายๆบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นหลักในหลายๆอย่างแล้ว แถมสิ่งนี้ได้มีการเข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจ Digital Marketing ตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล จนไปถึงช่องทางการขาย
และโลกของดิจิทัลเป็นโลกที่มีการเติบโตเร็วมาก สิ่งที่มีอยู่ ปีหน้าก็อาจจะไม่อยู่เรียกว่า Digital Disruptions การเกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นนักการตลาดหรือผู้ใช้งานต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และนี้คือสิ่งที่จะทำให้เราจะได้รับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับระบบดิจิทัลในปี 2018
จากข้อมูลนั้นยังแสดงให้เห็นว่ามีการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นมีการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมมีผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตประมาณ 8.4 พันล้านคน ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา IoT เป็นตัวเชื่อมโยงข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกอินเทอร์เน็ต โดยมีมนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถึงแม้จะดูไม่เกี่ยวข้องต่อการเปลี่ยนแปลง แต่แท้จริงแล้ว IoT เป็นตัวที่ขับเคลื่อนทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของข้อ 2-4 เลยก็ว่าได้ ซึ่ง IoT กำลังบอกเราว่า เรากำลังมาถึงยุคที่อุปกรณ์สามารถสื่อสารกันเองได้ ด้วยระบบที่เรียกว่า Ai (Artificial Intelligence) โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
10 แนวโน้มที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
อย่างที่นักการตลาดทราบกันดี ว่ายุคนี้มีการใช้ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่สร้างขึ้นโดย IoT เป็นตัวที่จะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ล้ำขึ้นอีกระดับ โดยคุณจะสามารถควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิตจนไปถึงรูปแบบการทำงานทั้งหมด ช่วยทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างสะดวก และมี Performance ที่ดี มีตัววัดผลและสามารถอ้างอิงข้อมูลได้ Analytics สามารถใช้ได้เกือบทุกธุรกิจ ตั้งแต่การวางแผนการซื้อขาย-ปลีก ไปจนถึงการวางผังการทำงาน บริษัทใหญ่ๆหลายบริษัท เช่น Microsoft, IBM, SAS และ SAP กำลังลงทุนอย่างเต็มที่เกี่ยวกับ Analytics โดยเฉพาะอย่างยิ่ง IoT Analytics เพราะมันสามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำธุรกิจใหม่ๆได้
หลายบริษัทส่วนใหญ่หันมาใช้ระบบ Cloud Computing เพราะสะดวกใช้งานจากที่ไหนก็ได้ แต่การประมวลผลบน Cloud นั้นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับการทำงาน IoT เสมอไป เพราะการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นอาจจะมีความหน่วง จึงทำให้คนหันมาสนใจ Edge Computing มากขึ้น เพราะสิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจ คือ มีประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลแบบเยอะๆ ปลอดภัยกว่า และมีความหน่วงน้อยกว่าการส่งผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นการทำงานผ่านตัว LAN (Local Area Network) แต่ว่า Cloud ก็ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับหลายธุรกิจเพราะมีการประมวลผลข้อมูลแบบ Real time ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการทำงาน
สำหรับ 5G เป็นเรื่องที่หลายๆคนเข้าใจง่าย เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวอยู่แล้ว ก็แค่อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้ 4G เพื่อรองรับกับนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้การส่งผ่านข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตหรือไฟล์ที่มีขนาดใหญ่นั้นจะมีความรวดเร็วขึ้น แต่อย่าตื่นเต้น เพราะการย้ายไปอยู่ใช้ 5G นั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างปุ๊ปปั๊ปแน่นอน
หลายคนคงรู้จักสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า Bitcoin ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017 blockchain เป็นคำที่มีการค้นหาเป็นอันดับสอง มีการเข้าถึงเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 400% เพียงภายในระยะเวลา 12 เดือนเท่านั้น นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า นวัตกรรม Blockchain จะมีใช้ทั่วโลกในปี 2020 ประมาณ 20% และในปี 2020 นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะมีการเติบโตแต่คงไม่มากนัก และยืนยันว่าไม่มีทางที่จะตกต่ำอย่างแน่นอน
และนี้คือ 5 แนวโน้มแรกที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล Digital Transformation ในปี 2018 ในบทความต่อไปเราจะมาพูดกับอีก 5 แนวโน้มที่เหลือว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่นอกเหนือจาก 5 เรื่องแรก
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr. forbes.com, Brandthink