เราเคยอธิบายเกี่ยวกับ Digital Disruption คืออะไรไว้แล้ว เรามาดูต่อกันว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัลนั้น ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจหรือนวัตกรรมใหม่ๆ แล้วรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินค้าหรือบริการเดิมที่มีอยู่อย่างไร ต่อไปนี้คือ 7 รูปแบบธุรกิจที่เกิดการ Disruption มากที่สุดในประเทศไทย
Subscription Model เดิมมีหลายสินค้าและบริการที่มีลักษณะเป็นการขายขาด เช่น หนัง เพลง หรือแม้แต่กระทั่งซอฟต์แวร์ ปัจจุบันการขายขาดไม่ใช่วิธีที่ได้รับความนิยมเท่ากับรูปแบบการเป็นสมาชิก สามารถดูฟรีฟังฟรีใช้งานฟรีแต่จำกัดการใช้งาน แต่ถ้าอยากใช้งานที่มากขึ้น จะต้องเสียเงินแบบรายเดือนเพื่อใช้บริการได้ไม่อั้น หรือจ่ายเงินตามการใช้งาน เช่น Netflix
Freemium Model มาจากคำว่า Free กับ Premium เป็นการให้บริการฟรีแต่จำกัด จะเก็บเงินก็ต่อเมื่อต้องการใช้งานที่มากขึ้น ซึ่งการใช้บริการฟรี ข้อดีคือได้เรียนรู้ประสิทธิภาพ ได้ใช้งานจริง(เหมือนทดลองใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) ส่วนข้อเสียคือจะมีโฆษณามาคอยกวนใจ และคุณภาพจะไม่ดีเท่ากับการเสียเงิน ถ้าอยากใช้งานที่มีคุณภาพหรือไม่มีโฆษณามากวนใจ คุณก็ต้องจ่ายเงิน เช่น Spotify, Joox
Marketplace Model สถานที่ขายของซึ่งทำให้การซื้อขายสินค้าและบริการนั้นไม่ยากเหมือนแต่ก่อน แค่จัดตั้งตลาดออนไลน์ขึ้นมา เพื่อเป็นจุดที่สามารถทำให้คนซื้อและคนขายมาเจอกัน เกิดการแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการจับจ่าย ไม่ต้องเดินหาให้เมื่อย เช่น eBay, Amazon, lazada
เป็นรูปแบบธุรกิจที่จะเป็นตัวกลางนำพาผู้บริโภคเข้าถึง สินค้าและบริการของแบรนด์ต่างๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ AirBnB, FavStay จัดหาที่พักให้แล้วส่งถึงมือผู้ใช้บริการโดยตรง โดยเก็บรายได้จากค่าบริการ (commission)
ไม่ได้หมายถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เช่น Tesco Lotus, Big C แต่มีลักษณะคล้ายกัน แต่แค่อยู่ในรูปแบบของตลาดออนไลน์ โดยใช้อำนาจทางการตลาดขนาดใหญ่ ทำให้มีสินค้าให้เลือกหลากหลายและมีความน่าสนใจ สามารถซื้อของทุกอย่างที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้ในที่เดียว (one-stop shop) ที่สำคัญทำให้สามารถขายต่ำกว่าทุนได้ ทำให้บางครั้งซื้อของใน Amazon, lazada จึงมีราคาถูกกว่าตลาดทั่วไป เพียงเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อจากเขา
การให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการแบบต่างๆตามความต้องการ โดยที่ไม่มีเวลาแต่มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าหรือบริการ โดยให้ผู้ที่มีเวลาไปทำแทน การบริการนั้นจะกินส่วนต่างจากค่าบริการ เป็นรูปแบบที่จับคู่คนที่อยากได้เงินมาบริการคนที่มีเงินแต่ไม่มีเวลา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน คือ Uber, Line Man
ในหลายบริษัทส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ Ecosystem Model ในการขายสินค้าและบริการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Google และ Apple ที่ขายสินค้าและบริการที่มีเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เช่น สมาร์ทโฟน แอพพลิเคชั่น หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ ซึ่งเป็นของเฉพาะหรือใช้ควบคู่กัน เพื่อให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น จึงเป็นระบบบังคับที่ปฏิเสธไม่ได้
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter