เมื่อไม่นานมานี้เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับ Amazon ที่ได้ประกาศแนวคิดเกี่ยวกับ ร้านค้าไร้พนักงานขาย จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับการชอปปิ้งที่ไม่มีพนักงาน ลูกค้าสามารถเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อและทำการชอปปิ้งอย่างงายดาย ไม่ต้องรอต่อคิวเพื่อจ่ายเงินที่แคชเชียร์ โดยร้านจะใช้ระบบเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ Machine Learning ในการตรวจจับและคำนวณค่าบริการตามสินค้าที่คุณจับจ่าย และชำระเงินอัตโนมัติจากในบัญชี
10 แนวโน้มที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
ร้านค้าไร้พนักงานขาย ของ Amazon
จะอาศัยการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน ในสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีเซนเซอร์แบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ไม่มีคนขับ ลูกค้าสามารถเดินเข้าไปในร้าน และสแกนมือถือที่ทางเข้า แล้วกล้องกับเซนเซอร์ที่ชั้นวางจะแยกว่าสินค้าอะไรถูกหยิบออกไป
คู่แข่งของ Amazon อย่าง JD.com ซึ่งถือเป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่เป็นอันดับสองของจีนรองจากอาลีบาบา JD ได้ประกาศร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ China Overseas Land & Investment Ltd หรือ COLI จับมือเปิดร้านสะดวกซื้อไร้พนักงานหลายร้อยร้าน โดยอ้างว่าใช้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากกว่าของ Amazon และบริษัทได้เปิดอย่างเป็นทางการหลังจากได้มีการทดสอบกับพนักงาน จำนวน 10,000 คนที่สำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
โดยร้านค้าของ JD จะใช้เทคโนโลยี RFID (Radio frequency identification) และกล้องใช้จดจำใบหน้าและ ยังมีการรับรู้ภาพจากบนเพดานของร้านค้าเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าของแต่ละราย เนื่องจากต้องการเรียนรู้พฤติกรรมความต้องการของลูกค้าในตามช่วงเวลา เทคโนโลยีการติดตามจะช่วยทำให้เจ้าของร้านได้ข้อมูลและสามารถสต็อกสินค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในขณะที่ Amazon ซื้อกิจการ Whole Foods ทำให้บริษัทขยายธุรกิจของ E-commerce ขึ้นไปอีกขั้นกลายเป็นยักษ์ใหญ่ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ แต่ JD.com ก็จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอสังหาริมทรัพย์ของ COLI ที่มีอยู่ทั่วประเทศจีนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว จากประเทษจีนมีการรายงานข้อมูลว่าการร่วมมือระหว่าง JD.com และ COLI จะขยายไปสู่การพัฒนาโซลูชั่นสมาร์ทซิตี้ในเมืองอื่นๆ รวมไปถึงจะมีบริการจัดส่งสินค้าโดยใช้ยานพาหนะที่ไม่มีคนขับรถ ซึ่งจะปฏิบัติตามเส้นทางที่ตั้งไว้และมีตู้เก็บรักษาความปลอดภัยช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกเวลาในการจัดส่งตามต้องการ
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr.qz.com, chinadaily.com.cn , businessinsider.com