การทำงานและการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งการ Upskill หรือการพัฒนาต่อยอดทักษะเดิมที่มีอยู่ให้ไม่ตกเทรนด์คือวิธีที่จะทำให้เราปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้ทัน ใครก็ตามที่มีทักษะด้านดิจิทัล หรือ Digital Skills ในยุคนี้คุณคือคนหนึ่งที่มีคุณค่าในสายตาของผู้ประกอบการที่มีความต้องการพัฒนาพนักงานทุกคนให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคดิจิทัล วันนี้เรามี 7 วิธีในการ Upskill มาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ทุกคนลองนำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองดูครับ
ถามหาโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ อยู่เสมอ
การหาโอกาสทำงานที่อยู่นอกเหนือจากลักษณะงานที่ทำอยู่เป็นประจำคือโอกาสที่จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ผู้จัดการคือกุญแจสำคัญที่จะตัดสินว่าเราจะได้ทำงานกับโครงการใหม่ ๆ ขององค์กรหรือไม่ 75% ของผู้เชี่ยวชาญมองว่าการขยายขอบเขตการทำงานเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกฝนทักษะใหม่ให้กับตัวเอง เพียงหมั่นเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าบ่อย ๆ ถึงเป้าหมายในการทำงานที่จะทำให้เราได้รับโอกาสกับภาระหน้าที่ใหม่ ซึ่งองค์กรก็จะได้รับประโยชน์จากความมุ่งมั่นพัฒนาตนเองของพนักงานเช่นเดียวกัน
ติดตามผู้นำและนักคิดในสายอาชีพ
การติดตามผู้ที่มีอิทธิพลในสายอาชีพของเรา คือการเรียนรู้อีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถศึกษาได้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ โดยการนำแนวคิดและวิธีการทำงานของบุคคลเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน จากการสำรวจพบว่า 52% ชอบพัฒนาตนเองจากบทความและวรรณกรรมจากนักเขียนที่เชี่ยวชาญในสายอาชีพเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ 49% ชอบเข้าร่วมประชุมสัมมนา หรือสัมมนาออนไลน์ (Webinar) 33% ชอบเข้าฟังเนื้อหาออนไลน์แบบ TED Talks และ Podcasts หรือสอบถามรุ่นพี่ในองค์กรที่เป็นต้นแบบการทำงานของพวกเขา เป็นต้น
ติดตามสาระน่ารู้จาก Digicup คลิก!
เข้าร่วมสมาคมกับวิชาชีพที่สนใจ
การเข้าร่วมกับกลุ่มสมาคมในสายอาชีพที่เราสนใจจะทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่สามารถให้คำปรึกษาหรือถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานให้กับเราได้ ที่สำคัญยังทำให้เราได้ติดตามเทรนด์ทักษะใหม่ ๆ ในแวดวงอาชีพนั้น เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม Workshop กับเหล่าบรรดาผู้รู้เพื่อ Upskill ให้กับตัวเอง ดังนั้น การเข้าร่วมคลุกคลีกับเครือข่ายของกลุ่มคนที่อยู่สายอาชีพเดียวกันสามารถกระตุ้นให้เรามีแรงบันดาลใจพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีทักษะไม่ตกเทรนด์
หาหลักสูตรคอร์สเรียนนอกเหนือจากการทำงาน
การหาหลักสูตรที่เป็นคอร์สเรียนเจาะจงไปที่ทักษะเฉพาะด้านเพิ่มเติมในวันหยุดหรือเวลาที่ว่างจากการทำงาน คือวิธีที่คนยุคใหม่ใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น โดยเฉพาะ คอร์สเรียนออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยให้เราเรียนรู้ด้วยตนเองได้ง่าย ๆ และเรียนซ้ำได้หลายรอบ หรือถ้าอยากสัมผัสการเรียนกับผู้รู้หรือวิทยากรจริง ๆ สามารถสมัครเรียนหลักสูตรระยะสั้นที่สอดคล้องกับแนวโน้มทักษะในอนาคต
เรียนรู้จากคนเก่งในองค์กรเดียวกัน
การเรียนรู้เคล็ดลับจากที่ทำงานถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบฟรี ๆ จากงานที่นายจ้างเสนอให้ทำ โดยทั่วไปองค์ความรู้ที่ได้เรียนรู้จากที่ทำงานโดยตรงจะสะท้อนให้เห็นถึงทักษะที่องค์กรต้องการ และการสอบถามประสบการณ์ทำงานกับเพื่อนร่วมงานเก่ง ๆ ก็สามารถยกระดับการทำงานของเราได้ หรือจัดกลุ่มเรียนรู้กับเพื่อนร่วมงาน การเรียนรู้ด้วยกันจะทำให้พนักงานได้แบ่งปันประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานของเราซึ่งสามารถช่วยให้ทุกคนเข้าใจกระบวนการทำงานร่วมกันมากขึ้นและยังได้รับไอเดียใหม่ ๆ จากเพื่อนร่วมงาน เช่น ให้ผู้อาวุโสมาแบ่งปันประสบการณ์ทำงานในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน เป็นต้น
วางแผนอาชีพอย่างมีเป้าหมาย
การวางแผนอาชีพสามารถทำให้เราพัฒนาตนเองให้ได้ตรงตามเป้าหมายที่อยากจะเป็น รวมถึงการกำหนดขั้นบันไดเส้นทางอาชีพของเราว่าอยากจะพัฒนาตนเองให้ไปถึงจุดไหนของอาชีพ หลายองค์กรใช้การวางแผนอาชีพเป็นเครื่องมือในการพัฒนาบุคลากรให้เตรียมพร้อมรับมือกับทักษะในอนาคต จากผลสำรวจพบว่า 65% ของคนทำงานยังไม่มีแผนอาชีพที่ชัดเจน และ 35% ของผู้ทำแบบสอบถามมีแผนอาชีพที่ชัดเจน ดังนั้น การวางแผนอาชีพจะช่วยให้พวกเขาเลือกหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนรู้ให้ Upskill ได้อย่างเหมาะสม
นายจ้างสนับสนุนการศึกษานอกองค์กร
หากเราต้องการให้นายจ้างสนับสนุนการศึกษานอกองค์กร เช่น สัมมนาหลักสูตรระยะสั้น หรือ Workshop เราต้องอธิบายถึงวัตถุประสงค์การเรียนว่าเราจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการเรียนและสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนมายกระดับทีมงานให้ Upskill ไปพร้อม ๆ กันได้อย่างไร
เพื่อให้แน่ใจว่าทักษะที่เรามีอยู่มีความทันสมัยแค่เพียงระยะหนึ่งหรือเป็นทักษะที่ยั่งยืน เราต้องติดตามแนวโน้มความเคลื่อนไหวของภาคอุตสาหกรรมที่เราได้วางแผนอาชีพของตนเองไว้ เพื่อเพิ่มบทบาทการทำงานให้ก้าวหน้าขึ้น
Source [1]
เรียนรู้ทักษะภาวะผู้นำที่บทความ: 5 ระดับ ภาวะผู้นำ ที่ทุกคนต้องเรียนรู้
รับสิทธิพิเศษจาก Digicup คลิก!
No Comments