เจ้าของธุรกิจหลายคนอาจคุ้นเคยกับการวัดผลจากตัวเลขและพฤติกรรมแบบเดิม เช่น ยอดขาย หรือความพึงพอใจโดยรวม (NPS/CSAT) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก HubSpot ชี้ให้เห็นว่าแนวคิดทางการตลาดได้เปลี่ยนจาก Business-to-Business (B2B) หรือ Business-to-Consumer (B2C) ไปสู่ยุค B2H (Business-to-Human) อย่างสมบูรณ์
แก่นแท้ของ B2H คือการสร้างความสัมพันธ์กับ "มนุษย์" ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วย "อารมณ์" เป็นหลัก ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้จึงไม่ได้ขายเพียงแค่สินค้าหรือบริการ แต่ขาย "ความรู้สึก" ที่ทำให้ผู้บริโภคอยากมีส่วนร่วมด้วย เพราะลูกค้าจดจำว่าแบรนด์ทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร ยาวนานกว่าที่พวกเขาจำข้อความที่แบรนด์สื่อสาร
Emotional Analytics (EA) คือศาสตร์ที่นำเอาจิตวิทยาและเทคโนโลยีมาหลอมรวมกัน เพื่อวัดผล ตีความ และปรับปรุงอารมณ์ของมนุษย์ผ่านข้อมูลแบบเรียลไทม์ แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของตัวชี้วัดแบบเดิมที่เจ้าของธุรกิจคุ้นเคย
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังพิจารณานำ AI มาใช้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างเครื่องมือพื้นฐานกับการวิเคราะห์เชิงลึกที่เรียกว่า Emotional Analytics
Sentiment Analysis (SA): การวัดขั้วอารมณ์แบบพื้นฐาน
Sentiment Analysis เป็นการวัดพื้นฐานที่ช่วยตัดสินว่าข้อความใด ๆ ที่แสดงความคิดเห็นนั้นเป็นไปในทิศทาง "บวก" "ลบ" หรือ "เป็นกลาง" เครื่องมือนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการติดตามภาพรวมชื่อเสียงของแบรนด์ (Social Media Monitoring)
แต่ปัญหาคือการจำแนกแค่บวกหรือลบนั้นไม่เพียงพอต่อการดำเนินการทางธุรกิจ เพราะไม่สามารถระบุได้ว่า "ลบ" นั้นเกิดจากความโกรธ หรือความผิดหวัง
Emotional Detection Analysis (EDA): การจำแนกอารมณ์เฉพาะเจาะจง
Emotional Analytics ก้าวข้ามขีดจำกัดของ SA ด้วยการทำ Emotion Detection Analysis (EDA) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์เพื่อระบุและจำแนกอารมณ์ของผู้เขียนข้อความได้อย่างละเอียด โดยอ้างอิงจากทฤษฎีทางจิตวิทยา เช่น ความสุข (Joy), ความโกรธ (Anger), ความเศร้า (Sadness), ความกลัว (Fear) หรือความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งอาจวัดได้ 6-8 ระดับ
การแยกแยะอารมณ์เฉพาะเจาะจงมีความสำคัญต่อกลยุทธ์ เพราะ "ลบ" ที่เกิดจากความโกรธ (Anger) ต้องการการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนทันที ต่างจาก "ลบ" ที่เกิดจากความเศร้า (Sadness) ซึ่งอาจต้องการการปลอบโยนหรือความเห็นอกเห็นใจ
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ที่เรียกว่า Aspect-based Sentiment Analysis (ABA) เทคนิคนี้ช่วยให้ AI สามารถวิเคราะห์ความคิดเห็นของผู้ใช้ในแต่ละองค์ประกอบ หรือประเด็นเฉพาะได้อย่างแม่นยำ เช่น หากลูกค้าบอกว่า “ฉันชอบคุณภาพสินค้ามาก แต่การจัดส่งล่าช้าและน่าหงุดหงิด” ระบบ ABA จะแยกวิเคราะห์ได้ว่า แง่มุม "คุณภาพสินค้า" คือความคิดเห็นเชิงบวก ในขณะที่แง่มุม "บริการจัดส่ง" คือความคิดเห็นเชิงลบ
EA จึงเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการวินิจฉัยความไม่พอใจโดยทั่วไป ไปสู่การระบุความล้มเหลวในการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์
หัวใจสำคัญของการทำ Emotional Analytics คือการใช้เทคโนโลยี AI และ Natural Language Processing (NLP) เพื่อจัดการกับ Unstructured Data ที่มีปริมาณมหาศาลจากช่องทางต่าง ๆ เช่น รีวิว, อีเมล และแชท ทำให้ธุรกิจสามารถเปลี่ยนจากการตั้งรับไปสู่การคาดการณ์เชิงรุกได้
การจัดลำดับความเร่งด่วนทางอารมณ์ใน Customer Service
ในระบบบริการลูกค้า (Customer Service) AI ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ตอบคำถาม แต่ทำหน้าที่เป็นตัวกรองอารมณ์ Machine Learning Algorithm สามารถจัดลำดับความสำคัญของบทสนทนาตามความเร่งด่วนที่ได้จากระดับอารมณ์
ยกตัวอย่างเช่น หาก AI ตรวจพบข้อความของลูกค้าที่แสดงความโกรธ (Anger) หรือความหงุดหงิดสูงเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิคในการติดตั้งสินค้า อัลกอริทึมจะสามารถแยกโพสต์ดังกล่าว และส่งตรงไปยังผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคทันที การตอบสนองที่แม่นยำและรวดเร็วนี้ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะยกเลิกใช้บริการได้อย่างมาก
Emotional AI ในการขายและการสร้างความผูกพัน
แม้แต่ในการขายที่มีมูลค่าสูง เช่น B2B Emotion AI ก็เข้ามามีบทบาทในการเพิ่ม Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ) โดยเครื่องมือสามารถวิเคราะห์น้ำเสียง สีหน้า หรือการเลือกใช้คำ เพื่อจับสัญญาณทางอารมณ์ เช่น ความลังเล หรือความกังวล
หาก AI ตรวจพบสัญญาณเหล่านี้ ทีมขายสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเสนอทันทีเพื่อตอบสนองต่ออารมณ์นั้นโดยตรง การทำความเข้าใจและตอบสนองต่อสัญญาณทางอารมณ์เหล่านี้ จะสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มอัตรา Conversion ได้
หลังจากที่ธุรกิจสามารถประเมินและวัดอารมณ์ได้อย่างละเอียด ขั้นตอนที่สำคัญถัดไปคือการนำอารมณ์เหล่านั้นมาเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ ซึ่งนำไปสู่การกำหนดตัวชี้วัดผลงานหลัก (KPI) ชุดใหม่ที่มีอารมณ์เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน
การทำนาย Churn จากความหงุดหงิด (Frustration Score)
Emotional Analytics ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุและทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าที่เรียกว่า "Silent Sufferers" ซึ่งคือลูกค้าที่รู้สึกไม่พอใจอย่างมากตลอดเส้นทางการซื้อ (Customer Journey) แต่ไม่ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเปิด Ticket พวกเขาเลือกที่จะออกจากกระบวนการก่อนที่จะเกิด Conversion
การวิเคราะห์สามารถเปลี่ยนสัญญาณทางอารมณ์ที่ยากจะจับต้องได้เหล่านี้ ให้กลายเป็นข้อมูลที่มีโครงสร้าง ซึ่งนำไปใช้ในโมเดลการคาดการณ์การยกเลิกบริการ (Churn Prediction Model) ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การที่ผู้บริหารสามารถเชื่อมโยง "ความไม่พึงพอใจ" ของลูกค้าเข้ากับผลลัพธ์ทางการเงินได้นั้น จะช่วยให้สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงของการบริการที่บกพร่องได้อย่างแม่นยำ
Emotion-to-Action Rate (E-A Rate) และ Emotional Loyalty Score
Emotion-to-Action Rate (E-A Rate) คืออัตราส่วนที่วัดว่าอารมณ์ที่ตรวจจับได้ เช่น ความตื่นเต้น หรือความหงุดหงิด ที่นำไปสู่การดำเนินการทางธุรกิจที่พึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์
นอกจากนี้ ยังมี Emotional Loyalty Score (ELS) ซึ่งเป็น KPI ที่วัดความผูกพันทางอารมณ์ในระยะยาว ELS ช่วยให้แบรนด์ระบุลูกค้าที่มีความผูกพันทางอารมณ์สูง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่สร้าง CLV ได้สูง
Emotional Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ "เข้าใจ" อย่างลึกซึ้งถึงอารมณ์ที่เป็นแรงผลักดันพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทคโนโลยี Emotional AI มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับความรู้สึกของบุคคล เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็นด้านจริยธรรมและความเป็นส่วนตัว แจ้งลูกค้าเมื่อใช้ AI วิเคราะห์อารมณ์ ระบุวิธีการวิเคราะห์และการใช้ข้อมูลทางอารมณ์ในนโยบายความเป็นส่วนตัว ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูลสร้างความรู้สึกว่าลูกค้าได้รับการเอาใจใส่ ซึ่งเป็นรากฐานสู่ความภักดีของลูกค้าที่ยั่งยืนในยุค B2H
อ้างอิง :
อ่านบทความเพิ่มเติม : 8 แนวทางหลักใน การทำ Digital Marketing พร้อมวิธีการใช้งาน
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com