Master Blog - Ourgreenfish

เปิดกลยุทธ์ Multi-channel Outreach ด้วย HubSpot

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 22 ส.ค. 2025, 6:00:00
ในยุคที่ผู้บริโภคมี attention span สั้น และ inbox ที่เต็มไปด้วยข้อความเกินปริมาณ การเลือกใช้กลยุทธ์ที่มีความ personalization และ follow‑through อย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญยิ่งยวด สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ใช้ HubSpot การทำ Multi-channel Outreach โดยใช้วิธี “อีเมลนำ เพื่อตรวจสอบ engagement จากนั้นโทรตาม” ถือเป็นศิลปะที่ลงตัวและเพิ่มโอกาสสำเร็จอย่างชัดเจน

Multi-channel Outreach : ทำไมต้องส่ง “อีเมลเบื้องต้น” ก่อน “โทรตาม”

HubSpot แนะนำว่า การตัดสินใจเลือกว่าจะโทรหรือส่งอีเมลเพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าในครั้งแรกนั้น ไม่ควรขึ้นอยู่กับความสะดวกของทีมขาย แต่ควรพิจารณาจากแนวโน้มที่ลูกค้าจะตอบสนอง โดยทั่วไปแล้ว อีเมลให้โอกาสผู้รับในการพิจารณา (สามารถอ่านได้เมื่อสะดวกในกล่องขาเข้า) ซึ่งแตกต่างจากการโทรที่อาจถูกละเลยหากเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ สถิติจาก HubSpot ยังแสดงให้เห็นว่า 36% ของพนักงานขายใช้ Cold Email เป็นช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า และ 21% พบว่าอีเมลเป็นช่องทางที่นำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคือการผสมผสานทั้งสองวิธี เริ่มจากการส่งอีเมลเพื่อวัดการมีส่วนร่วม และหากมีการตอบสนอง (เปิด, คลิก, ตอบกลับ) จึงค่อยโทรติดตามเพื่อต่อยอด วิธีนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการเลือกใช้ช่องทางเดียว

Workflow ภายใน HubSpot: Sequences + Tasks/Calls + Tracking

เพื่อนำกลยุทธ์นี้ไปใช้อย่างเป็นระบบ HubSpot Sales Hub (Professional/Enterprise) มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงที่เรียกว่า Sequences

แนวทางการสร้าง Workflow ด้วย Sequences

  • สร้าง Sequences เพื่อดึงดูดผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติ ด้วยขั้นตอนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น การส่งอีเมลอัตโนมัติ การรอการตอบรับ และการสร้าง task เพื่อให้พนักงานขายโทรติดตาม (call step)
  • ในแต่ละขั้นตอน ให้ใช้ personalization tokens (เช่น ชื่อ, บริษัท, ตำแหน่ง) เพื่อปรับแต่งข้อความให้มีความเฉพาะเจาะจงและตรงใจผู้รับมากขึ้น
  • สามารถเพิ่มองค์ประกอบอื่นๆ ได้ เช่น ลิงก์สำหรับนัดหมาย (meeting link), snippets, เอกสารแนบ หรือคลิปวิดีโอ เพื่อเพิ่มคุณค่าและน่าสนใจในทุกจุดเชื่อมต่อ

Dynamic Sequences: ระบบจะติดตามการโต้ตอบของผู้สนใจ เช่น การเปิดหรือคลิกอีเมล เพื่อสร้าง Task การโทรติดตามโดยอัตโนมัติ ทำให้พนักงานขายสามารถตอบสนองต่อผู้ที่มีความสนใจสูงได้อย่างรวดเร็ว และใช้ทรัพยากรของทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตาม Metrics สำคัญ: Open-Rate / Response-Rate → Optimize Pipeline

การวัดผลคือหัวใจ

  • HubSpot Sequences ให้ข้อมูลเชิงลึกทั้ง open rates, click rates, response rates, meeting rates ที่ช่วยให้เข้าใจว่าขั้นตอนไหนมี performance ดีหรือไม่ดี 
  • ใช้ property "Now in Sequence" และเก็บประวัติการ enroll เพื่อวิเคราะห์ว่า sequence ไหนช่วยปิดการขายได้จริง

ข้อแนะนำที่สำคัญคือการ ทดสอบและปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง (A/B testing) ตัวอย่างเช่น ปรับเปลี่ยนระยะเวลาระหว่างการส่งอีเมลและการโทร ปรับเนื้อหาส่วนบุคคล หรือทดสอบหัวข้ออีเมล (subject line) เป็นต้น HubSpot มีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดทำรายงานและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2025: Inbox Overwhelm, Short Attention Span และความต้องการ Outreach แบบ Personal

ในปี 2025

  • กลุ่มเป้าหมายมีเวลาจำกัดและข้อความในกล่องจดหมายเต็ม จึงจำเป็นต้องทำให้โดดเด่นมากขึ้น เช่น หัวเรื่องที่กระชับ ข้อมูลชัดเจน และปุ่มกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) ที่มองเห็นได้ชัดเจน
  • พฤติกรรมในยุคปัจจุบันต้องการการเข้าถึงลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงและต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่การส่งอีเมลแล้วจบไป การโทรติดตามผลหลังจากส่งอีเมลจะช่วยตอบสนองความต้องการทั้งในด้านความเป็นส่วนตัวและสร้างแรงผลักดันในการมีส่วนร่วม
  • HubSpot มีเครื่องมือที่ตอบรับเทรนด์นี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น Smart Content, การปรับแต่งเนื้อหาเฉพาะบุคคลที่เหนือกว่าการระบุแค่ชื่อแรก, การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย, การนำส่งอีเมล, และคำแนะนำหัวข้ออีเมลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยสร้างการมีส่วนร่วมที่เหนือกว่าในยุคที่มีการแข่งขันสูง

ตัวอย่าง Workflow ใน HubSpot 

  1. Enroll contact ลงใน Sequence (เช่น "Prospect Outreach 2025")
  2. Step 1: Email (Automated) – ใช้ personalization tokens + subject กระแทกใจ
  3. Step 2: ตรวจสอบ engagement – (เปิด, คลิก, ตอบ)
    • ถ้า engagement สูง → สร้าง Task: โทรตาม (Call step)
    • ถ้าไม่สูง → ส่ง follow-up email หรือรอเว้นระยะ
  1. Step 3: โทรตาม – ใช้ script หรือ voicemail ตามที่กำหนดใน sequence
  2. Step 4: วัดผล – ดู metrics (open/response/meeting rate) และปรับ sequence เช่น เพิ่ม personalization, เปลี่ยนเวลา, deep-dive segmentation
  3. Step 5: Optimize ต่อเนื่อง – ใช้ Dynamic Sequences, A/B test subject line, refine timings และ segmentation ตาม feedback บ่อย ๆ

ทำไมเจ้าของธุรกิจควรใช้แนวทางนี้

  • ลงทุนคุ้ม: ใช้ automation ช่วยลดงาน manual แต่ยังให้ความรู้สึกเฉพาะตัว (personal touch) 
  • ติดตามผลได้: metric ชัดเจน ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ทันที
  • ปรับตัวกับปี 2025: ตอบโจทย์ลูกค้า attention-short, inbox-overwhelmed ด้วยการใช้อีเมลเชิญ engagement แล้วตามด้วยการโทรที่เป็นมิตร
  • สร้าง pipeline ที่ใช้งานจริง: ไม่ใช่ outreach แบบ one-shot แต่เป็นกระบวนการสัมพันธ์ที่ต่อยอดเป็นการคุยจริง

กลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันคือ "การส่งอีเมลเบื้องต้นแล้วโทรติดตามเมื่อลูกค้ามีส่วนร่วม" ซึ่งทำได้ด้วย HubSpot Sequences วิธีการระดับมืออาชีพนี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแท้จริง เพราะยุคนี้ทุกคนต้องการข้อความที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็ว พร้อมการติดตามผลที่ดี การจัด Workflow แบบนี้จะช่วยยกระดับงานขายให้มีความแม่นยำและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการวัดผลที่ชัดเจนและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง : 

อ่านบทความเพิ่มเติม : อัปเดตล่าสุด : HUBSPOT MARKETING+

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com