ในหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ได้เริ่มทำ SEO พบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามา มาจากการทำกลยุทธ์นี้ทั้งนั้น ซึ่ง SEO ช่วยให้คุณมีโอกาสเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกของบริการที่ลูกค้ากำลังค้นหา และหากคุณมีกลยุทธ์ SEO ที่ดี จะช่วยให้ลูกค้าเป้าหมายของคุณ กลายมาเป็นลูกค้าระยะยาวและลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์
Meta Tags เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการทำ SEO เพราะเจ้าเครื่องมือนี้ ช่วยระบุและจัดหมวดหมู่ของหน้าเว็บไซต์ได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักMeta Tags วันนี้ เราจะมาอธิบายถึงเครื่องมือนี้กัน
Meta Tags คืออะไร
Meta Tags เป็นข้อความรหัสใน HTML ทำหน้าที่อธิบายเว็บไซต์หรือเว็บเพจให้ทราบว่าเป็นประเภทคอะไร เกี่ยวกับอะไร โดยจะไม่ปรากฏในหน้าเว็บไซต์ แต่จะแทรกอยู่ใน Source Code ซึ่งมีด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
Canonical Tags
หากเว็บไซต์ของคุณ เป็นเว็บไซต์ที่มีหลาย URL หรือมีหน้าที่รูปแบบคล้ายกัน แต่แสดงผลแตกต่างกันอย่างมือถือและคอมพิวเตอร์ Search Engines จะเห็นหน้าเหล่านี้เป็นหน้าซ้ำของหน้าเว็บไซต์เดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น “www.google.com” และ “https://google.com” แม้ลิงก์ URL จะต่างกัน แต่ก็ชี้ไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์ Google เหมือนกัน ดังนั้นหากคุณไม่มีการระบุไว้ว่า URL ใด เป็น URL หลักของเว็บไซต์และจะรวบรวมข้อมูลจากหน้าอื่น ๆ น้อยลง
ดังนั้น คุณควรเพิ่ม Canonical Tags เพื่อระบุว่า URL ในเป็นหน้าเว็บไซต์ต้นฉบับที่ต้องการปรากฏให้เห็นในหน้าของการค้นหา โดยตัวอย่างของ Canonical Tags เป็นดังนี้
<link rel="canonical" href="http://example.com/hubspot/meta-tags" />
Meta Content Type
Meta Content Type ช่วยให้สามารถระบุประเภทของสื่อและชุดอักขระของแต่ละหน้าเว็บไซต์ ที่ต้องรวบรวมไว้ในหน้าเว็บไซต์ของคุณและเพื่อแสดงผลในรูปแบบที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง โดยตัวอย่าง Meta Content Type เป็นดังนี้
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
Robots Meta Tags
เป็นการเขียนคำสั่งเพื่อไม่ให้ Search Engine แสดงผลหน้าเว็บไซต์นั้น ดัวอย่างเช่น
- noindex ป้องกันไม่ให้แสดงผลเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหา
- nofollow ป้องกันไม่ให้ Google Bot สามารถติดตามที่อยู่ได้
- nosnippet ป้องกันไม่ให้แสดงตัวอย่างข้อความหรือตัวอย่างวิดีโอในหน้าผลการค้นหา
- noarchive ป้องกันไม่ให้ Google แสดง Cached Link สำหรับหน้าเว็บไซต์
- unavailable_after:[date] เพื่อระบุวันที่ไม่ต้องการแสดงผลในหน้าผลการค้นหา
ในกรณีที่ต้องการจะใช้ nofollow คือหากหน้าเว็บของคุณมีการแสดงความคิดเห็น และคุณไม่สามารถควบคุมลิงก์ที่โพสต์โดยผู้อ่านได้ ตัวช่วยนี้ จะช่วยให้ Search Engine ไม่แสดงผลลิงก์ดังกล่าวได้
ตัวอย่าง Robots Meta Tags ที่ใส่คำสั่งได้ทั้ง noindex และ nofollow เป็นดังนี้
<meta name="robots" content="noindex, nofollow">
Title Tags
Title Tags เป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะแสดงให้เห็นบนหน้าผลการค้นหา ช่วยให้ผู้อ่านและ Search Engine เข้าใจหัวข้อของเว็บไซต์ ดังนั้นการเขียน Title Tag จึงเป็นสิ่งที่สามารถดึงผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้คลิกเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ สิ่งนี้จะส่งผลต่ออันดับของ SEO ได้อีกด้วย ซึ่งส่วนนี้ ใช้ HTML ดังนี้
<head>
<title>Example Title</title>
</head>
นอกจากนี้แล้ว ยังมี Alt Text ที่มีความสำคัญต่อการทำ SEO ถึงจะไม่ใช่ Meta Tags แต่ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบของ HTML ที่อธิบายภาพบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ Google ให้รู้ถึงประเภทของภาพคุณด้วย
ตัวอย่างของ Alt Text เป็นดังนี้
<img src="metatag.jpg" alt="Meta tag picture">
เห็นอย่างนี้แล้ว ธุรกิจที่ทำ SEO อาจต้องให้ความสำคัญกับ Meta Tags ให้มากขึ้น เพื่อให้อันดับในการแสดงผลบนหน้า Search Engine ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสอดคล้องกับการทำงานของมันด้วย
ที่มา : [1]
Supattra Ammaranon x Ourgreenfish
No Comments