อย่างที่รู้กันดีว่าในหลายๆ บริษัทได้หันมาทำ Digital Marketing กันมากขึ้น ไม่ว่าจะทำเองหรือจ้าง Digital Agency ข้างนอกทำมาให้ก็ตาม เพราะทุกคนคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ในปัจจุบันมีอัตราของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น อย่างของคนไทยก็เพิ่งไปคว้าแชมป์จากรายการ “Digital in 2018” ที่รวบรวมข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตจากทั่วโลก โดยสถิติของคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 9.38 ชั่วโมงต่อวัน
จากสถิตินี้จะทำให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ไปเกือบครึ่งวัน จึงไม่แปลกที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยจะหันมาลงทุนกับการทำการโฆษณาบนตลาดออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาทั้งใน Facebook หรือ Google ซึ่งบางธุรกิจก็ใช้โฆษณาทั้ง 2 ช่องทาง บางธุรกิจก็ใช้แค่ 1 ช่องทาง จึงเกิดคำถามที่ว่าการโฆษณาแบบไหนดีกว่ากัน วันนี้ Ourgreenfish เรามีคำตอบมาให้
ขออธิบายแบบง่ายๆ ว่าการโฆษณาบน Facebook จะมีโฆษณาอยู่สองแบบคือ Boost Post กับ Facebook Ads จะเป็นการโฆษณาที่ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาข้อมูลเหมือนอย่าง Google ข้อมูลนั้นจะถูกยิงขึ้นมาโชว์อยู่หน้า Newsfeed ตามกลุ่มเป้าหมายที่มีการตั้งไว้ เช่น ตั้งไว้ตามช่วงอายุ ตามเพศ ตามสถานที่ หรืออะไรก็ตามแต่ที่สามารถทำให้ได้กลุ่มเป้าหมายตามความต้องการ Boost Post จะเป็นการกระจายข่าว แต่ Facebook Ads จะเป็นโฆษณาที่สามารถกดปุ่มเพื่อ Call to action ได้
Facebook Ads กับ Boost Post แตกต่างกันอย่างไร แล้ว (KPI ที่ใช้ในการวัดคุณภาพของโฆษณาบน Facebook มีอะไรบ้าง)
ส่วน Google จะเป็นการซื้อคำโฆษณาเพื่อให้ข้อมูลของเราขึ้นไปโชว์เป็นอันดับต้นๆ ในหน้าแรกของ Google ของ Keywords นั้นๆ (จากสถิติพบว่าอัตรการถูกคลิกมากที่สุดจะอยู่ในช่วง 1-3 อันแรก) การซื้อคำโฆษณาจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะถูกคลิกเข้ามายังเว็บไซต์จะเรียกว่า Search Campaign นั่นเอง
และยังสามารถทำเป็น Display ที่เป็นภาพไปแสดงโชว์ตามเว็บไซต์ต่างๆ ถ้ามีคนที่สนใจก็สามารถคลิกจากรูปเพื่อเข้าเว็บไซต์ชองเราได้ อันนี้ก็เน้น Awareness ได้ด้วยเหมือนกัน เพราะคนเราคงไม่พากันคลุกอยู่แต่ใน Social เพียงอย่างเดียวอย่างแน่นอน หรือแม้แต่การไปโฆษณาคั่นในวิดีโอของ YouTube ก็สามารถทำได้
หลายคนมักจะบอกว่าการโฆษณาบน Facebook ดีกว่า Google จริงหรือ? ขอตอบเลยว่าขึ้นอยู่กับ “วัตถุประสงค์” ของการที่จะทำโฆษณากับ “ประเภทธุรกิจ” และก็ “งบ” มากกว่า สิ่งนี้จะเป็นตัวที่สามารถบอกคุณได้ว่า คุณควรจะทำโฆษณาแบบไหน เช่น ถ้าหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจประเภทรถยนต์ โดยปกติแล้วคนที่จะซื้อรถยนตร์ก็มักจะค้นหาข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
ดังนั้นการทำโฆษณา Google จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ เพราะลูกค้าต้องการข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ แต่ถ้าหากธรุกิจของคุณมีกำลังทรัพย์ที่มากพอก็สามารถทำโฆษณาได้ทั้ง 2 รูปแบบไปพร้อมๆ กันได้ก็ยิ่งดี
สรุปแล้วคุณต้องพิจารณาว่า การโฆษณาแบบไหนที่สามารถตอบโจทย์และก่อให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจที่สุด แต่ก็ไม่มีอะไรที่ตายตัวบางอย่างไม่จำเป็นต้องทำ Search ก็สามารถทำได้ขึ้นอยู่เทคนิคของการทำ Digital Marketing ของคุณ ว่าคุณสามารถดึงประโยชน์ของการโฆษณาของแต่ละแบบแบบมาใช้อย่างไรได้บ้าง
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter