ทำไม? Boost Post หรือการทำ Facebook Ads ของเราถึงไม่ค่อยปังเหมือนคนอื่นเขา

ถ้าหากมีการทำการตลาดออนไลน์ ก็จะรู้จักกับการทำโฆษณาใน Facebook อย่าง Boost Post หรือ Facebook Ads ซึ่งบางคนก็มีการทำโฆษณาแบบง่ายๆ โดยการกด Boost Post ที่เป็นปุ่มอยู่ใต้โพสต์ที่ต้องการจะทำโฆษณา แล้วทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายใส่เงินกด Boost ก็เป็นอันจบพิธีไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวาย แต่ในทางกลับกัน Digital Agency จะไม่เพียงเป็นการทำโฆษณาไปเฉยๆ แต่เป็นการทำโฆษณาแล้วต้องรวบรวมข้อมูลกลับมาวิเคราะห์ เพื่อที่จะทำการโฆษณาให้ได้ผลลัพธ์ของออกมาที่ดีที่สุด เพราะผลลัพธ์ของการโฆษณาของแต่ละประเภทของสินค้าหรือบริการนั้นก็จะแตกต่างกันไป

อัลกอริทึม Facebook ปัจจัยไหนที่ส่งผลต่อโพสต์ใน Facebook สูงสุด

ทำไม Boost Post หรือ Facebook Ads ของเราไม่ดีเหมือนคนอื่น?

อย่างที่เคยกล่าวไปในหลายๆ บทความของเดือนกุมภาพันธ์ในเว็บไซต์ของ Ourgreenfish นั้นก็จะเป็นเรื่องที่พูดเกี่ยวกับการทำโฆษณาบน Facebook กับ Google การวัดคุณภาพ KPI ของการโฆษณาซึ่งก็จะพูดคล้ายๆ กันว่าการโฆษณานั้นขึ้นอยู่กับ “วัตถุประสงค์” การที่คุณบอกว่าทำไมทำโฆษณาแล้ว “ไม่ปัง” เหมือนคนอื่นเขา ก่อนอื่นขอถามคำถามง่ายๆ ว่าคุณวัดจากอะไร? เพราะคุณไม่สามารถดูเทคนิค วิธีการกำหนดเป้าหมาย หรือแม้แต่งบประมาณในการทำโฆษณา นอกจากจะเห็นแค่ตัวเลขของการกด Like ซึ่งไม่ผิดถ้าตัวเลขของยอดไลก์มันเยอะจนทำให้คุณคิดว่าโฆษณานั้น “ปัง” แล้วใครสามารถบอกได้ว่ายอดไลก์น้อยแล้วมันจะไม่มีคุณภาพ

"อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับใคร ให้ทำตามวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้สิ่งที่เกิด effective กับตัวเองให้มากที่สุด"

เพราะบางโฆษณาอาจจะเน้นให้คนรู้จัก ซึ่งก็แปลว่าต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายที่กว้างเพื่อต้องการให้คนเห็นเยอะๆ ดังนั้นโอกาสที่จะมีคนกดไลก์ก็ย่อมมีมากกว่า ซึ่งถ้าหากคุณไปเปรียบเทียบ แล้ววัดคุณภาพกับเขาในเรื่องของยอดไลก์ ก็ไม่แปลกที่คุณจะมียอดไลก์ที่น้อยกว่า เพราะมีวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันนั่นเอง

อย่าห่วง Like ถ้ามันไม่ได้ช่วยทำให้คุณขายดี

ถ้าพูดในมุมของการขาย การที่มียอดไลก์เยอะไม่ได้แปลว่าจะทำให้คุณขายดี เพราะการทำให้โฆษณาหรือโพสต์ให้มีคนมากดไลก์เยอะๆ นั้นจะช่วยทำให้มีการกระจายโฆษณาที่มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่ายอดไลก์ที่ได้จะช่วยทำให้คุณขายดีขึ้น ซึ่งถ้าต้องการที่จะทำให้มียอดขาย คุณก็ต้องโฟกัสไปยังกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะมีโอกาสในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการคุณ นั่นก็หมายความว่าคุณก็ต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ Specific มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะแคบลง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือยอดไลก์ก็จะน้อยนั้นเอง เพราะคุณไม่มีทางที่จะทำให้คนที่เป็นลูกค้าคุณที่เห็นโฆษณาของคุณ 10,000 คน แล้วทำการกดไลก์ให้กับโพสต์โฆษณาของคุณได้ทั้งหมด 10,000 คน เป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายยิ่งกว้างก็ส่งผลต่อยอดไลก์นั่นเอง

อ่านเพิ่ม โฆษณาใน Facebook ทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันอย่างไรในการทำ Digital Marketing

สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter