<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

จัดกลุ่ม Keyword ใน Google Ads อย่างไร ให้โฆษณาออกมาดี CTR สูง

จัดกลุ่ม Keyword ใน Google Ads ส่วนของ Paid Search นั้น หลายคนอาจลองถูกลองผิด เพื่อค้นหาคำที่ใช่ คำที่ตอบโจทย์ ซึ่งประสบการณ์เป็นสิ่งที่คอยจะช่วยสอนเราว่าคีย์เวิร์ดแบบไหนดีหรือไม่ดี แต่ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการวางแผนในการเลือกคีย์เวิร์ด หลายคนอาจสงสัยว่าแค่เลือกคีย์เวิร์ดจำเป็นต้องวางแผนด้วยหรือ? คำตอบคือใช่ และเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะการวางแผนและเลือกคีย์เวิร์ดที่ดี จะช่วยทำให้เพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ปริมาณการคลิก และคุณภาพของลูกค้าได้อีกด้วย มาดูกันว่าเคล็ดลับอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้โฆษณา Paid Search ของคุณดีขึ้นทันตา

อย่าขยำรวมทุกคีย์เวิร์ดใน Campaign เดียวกัน ควรจัดกลุ่ม Keyword

สำหรับมือใหม่เข้าใจเป็นเป็นเรื่องตืนตาตื่นใจในการเลือกคีย์เวิร์ด คำนั้นก็ดีคำนี้ก็ใช่ เลยจัดมาให้หมดลงพร้อมกันในแคมเปญเดียว บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ก็จริง แต่ไม่แนะนำให้ทำมากนัก เนื่องจากขยำรวมทุกคีย์เวิร์ดรวมกัน ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกันก็ตาม จะทำให้ CTR ของคุณลดลง คีย์เวิร์ดสะเปะสะปะ วัดอะไรแน่นอนไม่ค่อยได้ ดังนั้นควรจัดกลุ่มคีย์เวิร์ด จะแยกออกมาเป็นในแต่ละแคมเปญก็ได้ เพื่อให้ใช้งบแยกขาดออกจากกัน เมื่อจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดแล้ว ทำให้คุณวัดผลได้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่า คีย์เวิร์ดแบบไหนได้ผลตอบรับที่ดีและมีคนซื้อสินค้า

ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็นร้านแว่นตาแล้วคุณลองดูว่าคุณใส่คีย์เวิร์ดแบบนี้

  • แบบที่ 1 ผสมทุกคีย์เวิร์ดรวมกัน
    แว่นสายตา, แว่นตากันแดด, คอนแทคเลนส์, วัดสายตา, ตัดแว่น, ชื่อร้านคู่แข่ง
  • แบบที่ 2 จัดกลุ่มคีย์เวิร์ด
    แว่นสายตา
    2. แว่นตากันแดด
    3. คอนแทคเลนส์
    4. บริการวัดสายตา
    5. ชื่อร้านคู่แข่ง

จะเห็นได้ว่าแบบที่ 2 นั้น แบ่งตามหมวดหมู่สินค้าและบริการ รวมไปถึงการซื้อชื่อร้านของคู่แข่ง คุณจะสามารถแยกผลได้ออกมาอย่างชัดเจน ว่ากลุ่มไหนดีหรือไม่ และคุณยังสามารถจัดสรรงบประมาณของแต่ละแคมเปญได้อีกด้วย

เรียน Digital Marketing สำหรับบุคคลทั่วไป ควรเลือกจากอะไร

ไม่จำเป็นต้องใช้คีย์เวิร์ดเยอะ แค่ใช้ประเภทของคีย์เวิร์ดให้ถูก ก็จะใช้คีย์เวิร์ดน้อยลง

จัดกลุ่ม Keyword 002

การคิดคีย์เวิร์ดอาจดูเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว ในช่วงแรกคุณอาจมีแรงคิดมากถึง 50-100 คำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พอคุณจัดกลุ่มคำ และเข้าใจเลือก Match Type ของ Keywords แต่ละประเภทแล้ว ในหนึ่งแคมเปญคุณอาจจะซื้อคีย์เวิร์ดเพียงแค่ 10 คำเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องซื้อคำมาก ๆ อีกต่อไปลองดูกลุ่มคำตัวอย่างต่อไปนี้

  • แบบที่1 ซื้อคำแบบหลายคีย์เวิร์ด
    แว่นกันแดด, แว่นกันแดดผู้ชาย, แว่นกันแดด Rayban, แว่นกันแดด ไม่แพง
  • แบบที่ 2 ซื้อเพียง 2 คำ ที่ครอบคลุม
    +แว่น +กันแดด, “แว่นกันแดด”

จะเห็นว่าการใช้คีย์ดเวิร์ดแบบที่ 2 นั้น แทบจะครอบคลุมทดแทนการซื้อคีย์เวิร์ดแบบคำแรกได้แทบทั้งหมด คิดง่ายกว่าเดิม และซื้อคำน้อยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายก็อย่าลืมศึกษาเรื่อง Negative Keyword ไว้ด้วย เพราะจะช่วยคัดกรองคำที่ไม่ใช่ออกไป ช่วยเสิร์ฟโฆษณาของเราให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

สุดท้ายอย่าลืมใช้ Keyword Planner เพื่อศึกราคา Bid เบื้องต้น

เมื่อจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดและศึกษาเรื่องประเภทของคีย์เวิร์ดแล้ว ก็อย่าลืมใช้ Keyword Planner ให้เกิดประโยชน์ เพราะจะช่วยทำให้เรารู้ราคา Bid อย่างคร่าว ๆ ได้ เพราะถ้าเราไม่รู้ราคา Bid แล้ว Bid ที่ราคาต่ำเกินไป แน่นอนว่าโฆษณาทั้งหมดของเราจะไม่แสดง ที่วางแผนมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า พอเราจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดได้แล้ว อัตราการ Bid ของแต่ละแคมเปญก็จะต่างกันออกไป ซึ่งทำให้เราคอยควบคุมได้ ถ้ารู้สึกว่าต้องการให้แคมเปญไหนมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ อาจจะ Bid ให้มากขึ้นที่แคมเปญ หรือจะเลือกเฉพาะบาง Ad Group หรือบางคีย์เวิร์ดก็ย่อมได้

แค่เพียงทำโฆษณา Paid Search จดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วจำเป็นที่จะต้องเริ่มจากแนวคิดก่อน ถึงจะเริ่มลงลึกไปยังเครื่องมือ เพราะถึงแม้ว่าจะใช้เครื่องมือเป็น แต่ขาดการวางแผนและจัดระเบียบความคิดที่ดี จะทำให้โฆษณาที่เราทำอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพได้

Thanakarn Lertsudwichai x Ourgreenfish

4 เทคนิคการคิด Keyword ให้เข้าถึงลูกค้าอย่างง่าย อ่านปุ๊บ ทําเป็นปั๊บใน 5 นาที

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

Recent Posts