Location คือข้อมูลของสถานที่ต่างๆ ซึ่งนับว่าเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันมีข้อมูลมากมาย ที่เรียกว่า Big Data ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ นับว่ามีประโยชน์ ถูกนำไปวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้าน Digital Marketing แล้วรู้หรือไม่ว่าข้อมูลโลเคชั่น นำไปใช้กับ Digital Marketing ได้อย่างไรบ้าง ลองมาดูตัวอย่างกัน
การสร้างโฆษณา โดยอิงจากประสบการณ์ของผู้คนที่อยู่ในโลเคชั่นที่เราต้องการ
ถ้าเราต้องการสร้างโฆษณาสักแคมเปญหนึ่ง โดยตลาดใหญ่อยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การกำหนดให้โฆษณาเผยแพร่เฉพาะภาคอีสานยังคงไม่พอ แต่ยังต้องใช้ประสบการณ์ร่วมอื่น ๆ เช่นการใช้ภาษาอีสานมาเป็นส่วนประกอบของโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูป หรือเสียง จะทำให้ผลตอบรับของโฆษณาดียิ่งขึ้น
การใช้ข้อมูล Location ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก Paid Search และ Google Maps
Google My Business จะช่วยให้การระบุโลเคชั่นของธุรกิจคุณเป็นเรื่องง่าย ทำได้เอง เพียงแค่มีแอคเคานท์ของ Gmail ก็สามารถเพิ่มสถานที่ของคุณไปยัง Google Maps ได้
สำหรับ Google Adwords การโฆษณาด้วย Paid Search แล้วระบุสถานที่ไปจะช่วยโฆษณาได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังช่วยประหยัดงบโฆษณาได้อีกด้วย และอย่าลืมตรง Ad Extensions (ส่วนขยายของโฆษณา) Locations Extensions จะช่วยเพิ่มและระบุสถานที่ของธุรกิจที่เราทำอยู่ เมื่อผู้คนค้นหาคีย์เวิร์ดที่เราระบุไว้ ก็จะโชว์พิกัดสถานที่ของธุรกิจได้ทันที
หรือถ้าต้องการเหนือกว่านั้น ลองใช้ Affiliate Locations Extensions เมื่อมีคนค้นหาคีย์เวิร์ดที่กำหนดไว้ จะโชว์สถานที่ หรือธุรกิจของคุณ ที่อยู่ใกล้กับผู้ค้นหามากที่สุด เหมาะสำหรับ SMEs ที่ขายสินค้าและบริการ มีสาขาอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการประยุกต์ใช้โลเคชั่นให้เข้ากับการโฆษณา Digital Marketing นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ครั้งหน้าจะมาบอกวิธี รวมไปถึงเคล็ดลับสำหรับจัดการโฆษณาขั้นสูง โดยใช้โลเคชั่นเป็นตัวช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
ทำไมการ Search จึงสำคัญต่อการทำ Digital Marketing
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
ที่มาบางส่วนจาก [1]
No Comments