ผู้บริโภครุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Millennials มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พฤติกรรมและค่านิยมของพวกเขากำลังเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจทั่วโลก หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจคือเรื่อง ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน แต่ยังเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยเพิ่มความไว้วางใจและดึงดูดใจลูกค้า
ESG คืออะไร?
ESG คือแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นสามปัจจัยสำคัญ
- Environmental (สิ่งแวดล้อม): การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการปล่อยคาร์บอน ใช้พลังงานสะอาด หรือการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
- Social (สังคม): การดูแลและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน เช่น การให้ความเท่าเทียมในที่ทำงาน การสนับสนุนชุมชน หรือการดูแลพนักงาน
- Governance (ธรรมาภิบาล): การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีจริยธรรม และความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ความสำคัญของ ESG ต่อผู้บริโภครุ่นใหม่
- Gen Z และ Millennials ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น
จากการวิจัยพบว่า
- 75% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความยั่งยืน
- 66% ของ Millennials พร้อมจ่ายมากขึ้นสำหรับสินค้าหรือบริการที่สอดคล้องกับค่านิยมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาแบรนด์ที่ไม่เพียงแต่มอบผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ยังต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
- ความโปร่งใสคือสิ่งสำคัญ
Gen Z และ Millennials ต้องการรู้ว่าแบรนด์ดำเนินธุรกิจอย่างไร พวกเขาชอบแบรนด์ที่มีความโปร่งใส เช่น การแสดงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการผลิต การใช้วัตถุดิบ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การเชื่อมโยงกับค่านิยมส่วนบุคคล
ผู้บริโภครุ่นใหม่มักเชื่อมโยงแบรนด์กับอัตลักษณ์ของตนเอง การเลือกแบรนด์ที่มีค่านิยมด้าน ESG ตรงกับพวกเขาช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
SME จะเริ่มต้นนำ ESG มาใช้ได้อย่างไร?
- เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ที่มีผลกระทบใหญ่
- ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastic)
- ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต
- จัดการทรัพยากรน้ำและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน
- สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เช่น การจ้างแรงงานในพื้นที่หรือการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม
- ร่วมมือกับองค์กรหรือโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสังคม
- พัฒนาวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจพนักงาน
- ส่งเสริมความหลากหลายในที่ทำงาน (Diversity & Inclusion)
- สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและสนับสนุนการเติบโตของพนักงาน
- ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส
- แสดงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานอย่างชัดเจน เช่น การรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
- ใช้เทคโนโลยีช่วยในการติดตามและแสดงผลการดำเนินงาน เช่น ระบบ CRM อย่าง HubSpot ที่ช่วยจัดการข้อมูลและรายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สื่อสารค่านิยม ESG ให้ลูกค้ารับรู้
- ใช้โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์เพื่อสื่อสารถึงความพยายามและเป้าหมายด้าน ESG ของธุรกิจ
- แสดงข้อมูลอย่างชัดเจน เช่น การลดการปล่อยคาร์บอน หรือการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประโยชน์ของ ESG ต่อ SME
- ดึงดูดลูกค้าใหม่: ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมีแนวโน้มสนับสนุนแบรนด์ที่ใส่ใจ ESG
- สร้างความไว้วางใจในแบรนด์: ความโปร่งใสและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในสายตาลูกค้า
- เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน: ในตลาดที่ลูกค้าเลือกแบรนด์จากค่านิยม ESG ธุรกิจที่ปรับตัวได้จะได้เปรียบ
- ลดต้นทุนในระยะยาว: การใช้พลังงานสะอาดหรือวัสดุรีไซเคิลช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
การนำ ESG มาปรับใช้ในธุรกิจ SME ไม่ได้เป็นเพียงแนวทางที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลก แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Millennials การลงทุนในด้าน ESG อาจเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น การลดขยะ การดูแลพนักงาน หรือการแสดงข้อมูลอย่างโปร่งใส และเมื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจของคุณจะสามารถสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในตลาดได้อย่างยั่งยืน
อ่านบทความเพิ่มเติม :
กุญแจสู่ความสำเร็จ!: สร้างทักษะนักธุรกิจรุ่นใหม่ในองค์กร SMES
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com