Lean Canvas เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางธุรกิจที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจสตาร์ทอัพในการสร้างแบบจำลองธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ใช้ง่าย ยืดหยุ่น และประหยัดต้นทุน ด้วยการสร้างเทมเพลตหน้าเดียวที่แยกย่อยโมเดลธุรกิจที่เสนอออกเป็นส่วนประกอบสำคัญหลายอย่างเพื่อการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วและการดึงข้อมูลที่นำไปใช้ได้ง่าย
ความแตกต่างระหว่าง Lean usiness Model Canvas
Lean Canvas ได้รับแรงบันดาลใจจาก Business Model Canvas แต่เน้นที่การพัฒนาธุรกิจในลักษณะที่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาและการแก้ไข (Problem-Solution Oriented) แทนที่จะเป็นการมุ่งเน้นคุณค่า (Value Oriented) ซึ่งมีประโยชน์สำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการหาโอกาสทางธุรกิจหรือช่องว่างในตลาด
โครงสร้างของ Lean Canvas
- Customer Segments: ระบุกลุ่มลูกค้าหลักที่ธุรกิจของคุณจะให้บริการ และความต้องการของพวกเขา
- Problem: ระบุปัญหาหรือความต้องการที่ลูกค้าของคุณพบเจอ และคุณจะเสนอวิธีแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร
- Unique Value Proposition: อธิบายถึงคุณค่าและประโยชน์ที่ธุรกิจของคุณจะมอบให้กับลูกค้า ทำไมลูกค้าถึงควรเลือกคุณ
- Solution: อธิบายวิธีการแก้ไขปัญหาที่คุณระบุไว้ในส่วน Problem
- Channels: ช่องทางที่คุณจะใช้ในการเข้าถึงลูกค้าและส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- Revenue Streams: รายได้ของธุรกิจจะมาจากไหนบ้าง
- Cost Structure: ค่าใช้จ่ายหลักที่ธุรกิจของคุณจะต้องเสีย
- Key Metrics: ตัวชี้วัดสำคัญที่คุณจะใช้ในการวัดผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- Unfair Advantage: ความได้เปรียบที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ที่ธุรกิจของคุณมีเหนือคู่แข่ง
ประโยชน์ของการใช้ Lean Canvas
- มุ่งเน้นไปที่สตาร์ทอัพ: Lean Canvas ถูกออกแบบมาเพื่อสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการและความท้าทายที่สตาร์ทอัพเผชิญได้ดีกว่า Business Model Canvas
- การวิเคราะห์ที่รวดเร็วและยืดหยุ่น: Lean Canvas เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุงโมเดลธุรกิจของตนได้ตามสถานการณ์
- การสร้าง MVP: Lean Canvas สนับสนุนการสร้าง Minimum Viable Product (MVP) และการพัฒนาโปรโตไทป์นี้ผ่านการทำซ้ำอย่างต่อเนื่องจากข้อเสนอแนะของผู้ใช้
- การเข้าใจลูกค้า: Lean Canvas ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจลูกค้าของตนได้ดีขึ้นผ่านการเน้นไปที่ปัญหาและการแก้ไขปัญหา
การสร้าง Lean Canvas
เมื่อสร้าง Lean Canvas ควรเริ่มจากส่วน Customer Segments เนื่องจากการระบุกลุ่มลูกค้าที่ถูกต้องสามารถช่วยให้ส่วนอื่นๆ ของ Lean Canvas มีความชัดเจนมากขึ้น หลายธุรกิจสตาร์ทอัพทำผิดพลาดในการสร้างผลิตภัณฑ์โดยไม่มีความเข้าใจชัดเจนว่าต้องการตลาดผลิตภัณฑ์นั้นให้กับใคร
ความแตกต่างระหว่าง Lean Canvas และ Business Model Canvas
Lean Canvas มุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหามากกว่าการให้คุณค่า ทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถตรวจสอบสมมติฐานของตนได้เร็วขึ้นและหลีกเลี่ยงความล้มเหลวที่มีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ ส่วน Unfair Advantage ยังช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพมุ่งเน้นไปที่การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ในขณะที่ Business Model Canvas มุ่งเน้นไปที่การให้คุณค่าและการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
การใช้ Lean Canvas ในการพัฒนาธุรกิจ
Lean Canvas เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการพัฒนาธุรกิจโดยเฉพาะในส่วนของทีมพัฒนาธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับ Business Model Canvas เพื่อให้ได้ภาพรวมทั้งในแง่ของการทำงานของธุรกิจและการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
ตัวอย่างการใช้ Lean Canvas
- Google: บริษัท Google ใช้ Lean Canvas ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาของลูกค้าและการสร้างคุณค่าที่ไม่ซ้ำใคร
- Facebook: Facebook ใช้ Lean Canvas เพื่อระบุกลุ่มลูกค้าหลักและปัญหาที่พวกเขาพบเจอ และเสนอวิธีแก้ไขผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า
- YouTube: YouTube ใช้ Lean Canvas ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการระบุช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้
- Amazon: Amazon ใช้ Lean Canvas ในการระบุกลุ่มลูกค้าหลัก ปัญหาที่พวกเขาพบเจอ และเสนอวิธีแก้ไขผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า
- Airbnb: Airbnb ใช้ Lean Canvas ในการระบุกลุ่มลูกค้าหลักและปัญหาที่พวกเขาพบเจอ และเสนอวิธีแก้ไขผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า
- Apple: Apple ใช้ Lean Canvas ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการระบุช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้
Lean Canvas เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยการเน้นไปที่ปัญหาและการแก้ไข และการสร้างคุณค่าที่ไม่ซ้ำใคร Lean Canvas ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
อ่านบทความเพิ่มเติม : สรุป AGRITECH BUSINESS MODELS
No Comments