เหตุผลที่ 1: ฐานข้อมูลลูกค้าแบบตรงไปตรงมา พร้อมวิเคราะห์พฤติกรรมและ Pipeline ที่แม่นยำ
HubSpot CRM มีระบบจัดการข้อมูลลูกค้าที่ใช้งานง่ายและตรงไปตรงมา คุณสามารถบันทึกข้อมูลการติดต่อของลูกค้าได้ครบถ้วนในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล หรือบันทึกการสนทนาต่าง ๆ ทุกโปรไฟล์ลูกค้าจะแสดงไทม์ไลน์กิจกรรม เช่น อีเมลที่เปิดอ่าน การโทรติดต่อล่าสุด หรือดีลที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ ทำให้ทีมขายมองเห็นภาพรวมความสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ละรายอย่างชัดเจนในทันที
นอกจากนี้ HubSpot CRM ยังมี ระบบบริหาร Pipeline การขายที่ยืดหยุ่น ช่วยติดตามสถานะดีลหรืองานขายในแต่ละขั้นตอนได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบ คุณสามารถปรับแต่งขั้นตอนการขาย (Deal Stages) ได้เองให้สอดคล้องกับกระบวนการทำงานของธุรกิจคุณ ตั้งแต่ขั้นเสนอราคาไปจนถึงปิดการขาย ทีมงานทุกคนจะทราบตรงกันว่าดีลแต่ละรายการอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ส่งผลให้การประสานงานเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีลูกค้ารายไหน “ตกหล่น” ไปกลางคัน
ที่สำคัญ HubSpot ยังมี เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมลูกค้าอัจฉริยะ ช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ระบบ AI จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า เช่น การเปิดอ่านอีเมล การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด จากนั้นสร้างเป็นข้อมูลเชิงลึกให้คุณปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุด นอกจากนี้ AI ยังช่วยคาดการณ์แนวโน้มพฤติกรรมลูกค้าล่วงหน้าและประเมินโอกาสปิดการขายของดีลต่าง ๆ ได้อีกด้วย
เหตุผลที่ 2: มีฟีเจอร์ฟรี จัดการผู้ใช้และลูกค้าได้ไม่จำกัด เหมาะกับธุรกิจเล็กถึงกลาง
หนึ่งในจุดขายสำคัญที่ทำให้ HubSpot CRM เหนือกว่า CRM รายอื่น ๆ คือ การให้บริการแบบฟรีตลอดชีพ (Free Forever) โดยไม่มีวันหมดอายุ ต่างจากซอฟต์แวร์หลายเจ้าที่อาจจำกัดช่วงทดลองใช้หรือจำกัดจำนวนข้อมูลที่บันทึกได้ ในกรณีของ HubSpot CRM คุณสามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ฟรีอย่างต่อเนื่อง แถมยังรองรับจำนวนผู้ใช้งานในทีมและจำนวนรายชื่อลูกค้าได้ไม่จำกัดอีกด้วยตามข้อมูลของ HubSpot เองนั้น CRM ตัวนี้เปิดให้คุณเก็บข้อมูลลูกค้าได้มากถึง 1,000,000 รายชื่อ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ทุกฟังก์ชันหลักที่ธุรกิจต้องการ เช่น การจัดการรายชื่อติดต่อ, การบันทึกดีล, การตั้งค่ากิจกรรม และการติดตามงานขาย ล้วนรวมอยู่ในเวอร์ชันฟรีอย่างครบถ้วน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง หรือทีมที่มีงบประมาณจำกัด
นอกจากนี้ HubSpot CRM ยังมีชุดเครื่องมือการตลาดและบริการลูกค้าแบบฟรีในตัว (ที่ HubSpot เรียกว่า Hubs ทั้งหก ได้แก่ Marketing, Sales, Service, CMS, Operations, Commerce) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานตามความจำเป็นเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจได้อีกด้วย กล่าวได้ว่า HubSpot CRM ช่วยผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการจัดการลูกค้าและการขาย ทำให้สามารถแข่งขันกับองค์กรใหญ่ ๆ ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องเสียค่าซอฟต์แวร์ราคาแพงตั้งแต่แรกเริ่ม
เหตุผลที่ 3: ระบบติดตามกิจกรรม (Email Tracking, Deals, Notifications) เพิ่มประสิทธิภาพทีม
สำหรับธุรกิจที่มีทีมขายทำงานนอกสถานที่หรือพบปะลูกค้าบ่อย ๆ HubSpot CRM มีฟีเจอร์การ ติดตามกิจกรรม (Activity Tracking) ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของทีมเหล่านี้ ทุกการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าจะถูกบันทึกไว้ในระบบ ตั้งแต่การส่งอีเมล การโทรติดต่อลูกค้า การนัดประชุม ไปจนถึงการอัปเดตสถานะดีล ทีมขายจึงสามารถติดตามความคืบหน้าของงานแต่ละชิ้นได้ตลอดเวลาแบบเรียลไทม์
ฟีเจอร์ Email Tracking ของ HubSpot CRM ช่วยแจ้งเตือนให้คุณทราบทันทีเมื่อลูกค้าเปิดอ่านอีเมลที่คุณส่งไป หรือคลิกที่ลิงก์ใดลิงก์หนึ่งในอีเมลของคุณ เมื่อทราบว่าลูกค้าสนใจข้อมูล (เช่น เปิดอีเมลหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ส่งไป) ทีมงานก็สามารถติดตามผลหรือนัดหมายครั้งต่อไปได้ทันท่วงที เพิ่มโอกาสปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ HubSpot ยังมีระบบ แจ้งเตือน (Notifications) สำหรับกิจกรรมสำคัญอื่น ๆ เช่น แจ้งเตือนเมื่อมีการเลื่อนขั้นดีล (Deal Stage) หรือเมื่อถึงกำหนดติดตามลูกค้ารายใดรายหนึ่ง ระบบแจ้งเตือนเหล่านี้ช่วยให้ทีมขายไม่พลาดงานสำคัญ และสามารถให้ความสนใจกับลูกค้าได้ตรงเวลาที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ แอปพลิเคชันบนมือถือ ของ HubSpot ช่วยให้ทีมขายสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและข้อมูลดีลได้ทุกที่ทุกเวลา แม้อยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร แอปสามารถทำงานในโหมดออฟไลน์ได้และจะซิงค์ข้อมูลกลับไปยังระบบคลาวด์โดยอัตโนมัติเมื่อกลับมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง ส่งผลให้ทีมยังคงทำงานต่อเนื่องได้แม้อยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ ความสามารถนี้สำคัญมากสำหรับธุรกิจที่มีพนักงานลงพื้นที่ เช่น ทีมขายโครงการหรือทีมบริการนอกสถานที่ เพราะทุกคนยังเข้าถึงข้อมูลล่าสุดและอัปเดตงานได้ แม้อยู่ห่างไกลสำนักงาน
เหตุผลที่ 4: ข้อจำกัดที่ควรรู้ – ไม่มีระบบบิลและใบเสนอราคาในตัว แต่แก้ไขได้ด้วยการเชื่อมต่อ
แม้ HubSpot CRM จะมีฟีเจอร์เด่นมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรทราบ คือ ระบบไม่ได้มีฟังก์ชันจัดการงานเอกสารด้านการเงินอย่างการออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) หรือใบเสนอราคา (Quotation) มาให้ในตัวโดยตรง ในขณะที่บางธุรกิจต้องการจัดทำใบเสนอราคาให้ลูกค้าหรือวางบิลรับชำระเงินภายในระบบ CRM เลยทันที HubSpot (โดยเฉพาะเวอร์ชันฟรีหรือ Starter) ยังคงไม่มีโมดูลเฉพาะสำหรับงานด้านนี้ ผู้ใช้ไม่สามารถสร้างใบเสนอราคาอย่างละเอียดที่มีโลโก้บริษัท รายการสินค้า หรือเงื่อนไขการชำระเงินได้ภายใน HubSpot โดยไม่มีการติดตั้งส่วนเสริมเพิ่มเติม นอกจากนี้ การออกใบแจ้งหนี้และบันทึกบัญชีรับ-จ่ายเงินก็ไม่ได้รวมอยู่ในฟังก์ชันพื้นฐานของ HubSpot CRM ด้วย
อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดนี้ไม่ได้หมายความว่า HubSpot จะรองรับงานด้านการเงินไม่ได้เลย เพราะแพลตฟอร์ม HubSpot ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่นและเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ภายนอกได้ง่าย หากธุรกิจของคุณต้องการฟังก์ชันใบเสนอราคาหรือระบบบัญชี คุณสามารถ ใช้การผสานการทำงาน (Integration) กับเครื่องมือเฉพาะทางภายนอก เพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ทันที ตัวอย่างเช่น HubSpot มีการเชื่อมต่อกับ FlowAccount ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์บัญชี เพื่อช่วยซิงค์ข้อมูลด้านการเงินโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้สำหรับการจัดทำใบเสนอราคา HubSpot ก็มีเครื่องมือสร้างเอกสาร (Quotes) แบบง่าย ๆ ติดมาด้วยในแพลตฟอร์ม ซึ่งคุณสามารถใช้ฟังก์ชันนี้เพื่อออกใบเสนอราคาได้ แต่หากต้องการความสามารถขั้นสูง เช่น การใส่เงื่อนไขราคาแบบซับซ้อน หรือต้องการให้ลูกค้าเซ็นเอกสารอนุมัติออนไลน์ คุณอาจต้องพิจารณาเครื่องมือเพิ่มเติมหรือการผสานระบบกับซอฟต์แวร์ภายนอกเข้ามาช่วย
เหตุผลที่ 5: กลยุทธ์เสริม – ผสาน HubSpot เข้ากับเครื่องมือเฉพาะทางอื่น ๆ เพื่อโซลูชันแบบครบวงจร
เมื่อทราบถึงข้อจำกัดเรื่องการจัดการใบเสนอราคาและงานบัญชีใน HubSpot CRM แล้ว กลยุทธ์เสริมที่แนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจก็คือการผสาน HubSpot เข้ากับเครื่องมือเฉพาะทางอื่น ๆ เพื่อให้ได้ระบบการทำงานแบบครบวงจร ข้อดีของ HubSpot CRM คือมีระบบนิเวศการเชื่อมต่อ (Integration Ecosystem) ที่แข็งแกร่งมาก รองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันธุรกิจกว่า 1,000 รายการ ทั้งด้านการเงิน การตลาด อีคอมเมิร์ซ และอื่น ๆ คุณจึงสามารถเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมมาผนวกใช้งานร่วมกับ HubSpot ได้ตามความต้องการ
ตัวอย่าง การผสาน HubSpot กับ FlowAccount ผลลัพธ์คือ วงจรการขายทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นดีลจนปิดดีลสามารถทำได้ในระบบรวมศูนย์เดียว ทีมขายไม่ต้องสลับไปมาหลายโปรแกรม ทุกขั้นตอนตั้งแต่การค้นหาลีด, การติดตามลูกค้า, การเสนอราคา, จนถึงการปิดการขายและออกใบแจ้งหนี้ สามารถดำเนินการได้อย่างลื่นไหลผ่านการผสานระบบเข้าด้วยกัน
การผนวกเครื่องมือเสริมเหล่านี้เข้ากับ HubSpot CRM ยังเปิดโอกาสให้คุณใช้ ระบบอัตโนมัติ (Automation) อย่างเต็มรูปแบบด้วย ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งค่า Workflow อัตโนมัติ ใน HubSpot ให้สร้างดีลใหม่และแจ้งเตือนทีมบัญชีทันทีที่มีการลงนามอนุมัติใบเสนอราคาผ่าน FlowAccount หรือสร้างทริกเกอร์ให้ส่งอีเมลติดตามผลไปยังลูกค้าโดยอัตโนมัติหลังจากใบแจ้งหนี้ใน FlowAccount ถูกทำเครื่องหมายว่าชำระเงินแล้ว ความสามารถในการทำงานร่วมกันเช่นนี้จะช่วยประหยัดเวลางานเอกสาร ป้องกันความผิดพลาด และทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าราบรื่นไร้รอยต่อยิ่งขึ้น
HubSpot CRM ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ ด้วยข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธอย่าง “ฟรีตลอดชีพ” และฟีเจอร์พื้นฐานที่ครบถ้วน ธุรกิจสามารถเริ่มต้นระบบ CRM ได้โดยไม่ต้องลงทุนมาก แต่กลับได้ประสิทธิผลสูง ตั้งแต่การจัดระเบียบข้อมูลลูกค้าที่ตรงไปตรงมา การติดตาม pipeline การขายที่แม่นยำ การแจ้งเตือนกิจกรรมที่ช่วยไม่ให้พลาดโอกาสทางธุรกิจ ไปจนถึงความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกด้วย AI นอกจากนี้ แม้ HubSpot CRM จะมีข้อจำกัดบางด้าน แต่ด้วยแนวทางเชิงรุกอย่างการผสานรวมกับเครื่องมือภายนอก ธุรกิจของคุณก็สามารถได้รับโซลูชัน CRM ที่ครอบคลุมทุกมิติการทำงานได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาเครื่องมือบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าที่ทั้งทรงพลัง ยืดหยุ่น และคุ้มค่า HubSpot CRM คือคำตอบที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง ทั้ง 5 เหตุผลข้างต้นแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ HubSpot CRM มอบให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัลนี้
อ้างอิง : HubSpot. (2025). 5 best CRMs for landscaping businesses in 2025. Retrieved from https://blog.hubspot.com/marketing/best-crm-for-landscaping
อ่านบทความเพิ่มเติม : เลือกระบบ CRM ที่เหมาะสม : ปัจจัยที่ต้องคำนึงและการเชื่อมโยงกับ HubSpot
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com
No Comments