ในตอนที่แล้วเราได้พูดถึง 5 อันดับแรกของเทรนด์ด้าน Digital Transformation ในปี 2017 กันไปแล้ว มาในตอนนี้เราจะมาดูอันดับที่เหลือกันบ้าง
10 อันดับเทรนด์ของ Digital Transformation สำหรับปี 2017
6. การใช้งาน API (Application program interfaces)
Digital Transformation คือการทำงานที่อยู่ใต้เงา IT ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีเฉพาะเพื่อให้เกิดการความคล่องตัว เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จำเป็นต้องมีแนวทางมากกว่าหนึ่งอย่างสำหรับความหลากหลายในการใช้ ไม่อย่างนั้นประโยชน์ของการใช้งานจะลดลงอย่างรวดเร็ว APIs ถือเป็นอาวุธลับสำหรับการทำ Digital Transformation อีเบย์และเพย์พาลเป็นสองบริษัทที่พึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างมาก ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับการทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงในแต่ละวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
APIs มีส่วนสำคัญในการทำ Digital Transformation ให้เป็นไปได้ ด้วยการเปิดประตูให้แพลตฟอร์มหลายแพลตฟอร์มสามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ในองค์กรเดียวกันเพื่อความรวดเร็วและยืดหยุ่น บริษัทด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์บางรายอาจต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นวิธีที่แชร์ทรัพยากรไปในแต่ละแพลตฟอร์มมากเกินไป แต่สำหรับบริษัทที่ต้องการปรับใช้เทคโนโลยีในการช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าแล้ว APIs ถือเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย
10 แนวโน้มที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต
7. Big data และการวิเคราะห์
ความสำคัญของข้อมูลขนาดใหญ่ในโลกธุรกิจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เราทราบดีว่ามีข้อมูลที่มีค่ามากมายในโลก แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทที่ใช้งานข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบสูงสุด ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย Analytics หรือการวิเคราะห์ คือการทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าลูกค้าของคุณคิดอย่างไร สิ่งไหนที่พวกเขาต้องการ และตลาดมองเห็นแบรนด์ของคุณเป็นอย่างไร ในยุคของ Digital Transformation เกือบทุกอย่างสามารถวัดได้ และในปี 2017 ก็ถือเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ทุกการตัดสินใจที่สำคัญสามารถและควรที่จะได้รับการสนับสนุนการตัดสินใจนั้นจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์
8. Digital transformation ขับเคลื่อนด้วย IoT (Internet of Things)
พูดถึงข้อมูลขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนสิ่งล้ำค่าของนักการตลาด IoT เองก็สามารถเสนอข้อมูลเชิงลึกที่อยู่ในใจของลูกค้ามากมายได้ นอกจากนี้มันยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยการช่วยสร้างเมืองที่มีประสิทธิภาพและองค์กรที่มีความสามารถในการเรียนรู้ขึ้นมา ด้วยการเชื่อมต่อทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยอินเตอร์เน็ตและเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตในทุกแง่มุมของคุณเพื่อเอาไว้ศึกษา โดยหลังจากนี้ธุรกิจและลูกค้าจะได้รับประโยชน์จาก IoT เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะภายในปีพ. ศ. 2563 จะมีการติดตั้งอิออนเซนเซอร์ของ IoT เป็นจำนวนกว่า 50,000 ล้านตัวและ ติดตั้งเพิ่มอีกมากกว่า 200,000 แสนล้านตัวบน "สิ่งต่างๆ" บนอินเทอร์เน็ตภายในปีพ. ศ. 2573
9. ก้าวสำคัญของเครื่องกลและสมองกลอัจฉริยะ (AI) ในโลกธุรกิจ
ความสัมพันธ์ของเรากับเทคโนโลยีมีวิวัฒนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่นานเครื่องจักรกลจะสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในการทำงานได้ AI จากที่เคยมีอยู่แค่ในอาณาจักรแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด AI จะกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งความจริง ในขณะที่เครื่องจักรกลที่มีการเรียนรู้ขั้นสูงอาจเข้ามาแทนที่แรงงานทักษะต่ำ AIs จะกลายมาเป็นสิ่งที่สามารถทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้น AI จะกลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้มากที่สุดในโลกไอที
10. โครงสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนไป
บทบาทของ CIO (Chief Information Officer) มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากการเกิดบทบาทใหม่ ๆ เช่น Chief Digital Officer และ Chief Customer Officer ซึ่งทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในระบบ Digital ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และความสำคัญที่เกิดขึ้นนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในด้านของเทคโนโลยีของบริษัทแต่เป็นทั้งระบบขององค์กร การที่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างแบบเก่าของธุรกิจได้จะช่วยให้มีพื้นที่สำหรับนวัตกรรมใหม่ๆมากขึ้น
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr. forbes.com, webcube-general.s3.amazonaws.com, rightleftcommunication.com, static.seekingalpha.com, i-sight.com
No Comments