การมีระบบ Marketing CRM ที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจติดตามพฤติกรรมลูกค้า เข้าใจความต้องการ และวางกลยุทธ์การตลาดที่ตรงเป้าหมายได้ แต่คำถามสำคัญคือ จะรู้ได้อย่างไรว่าระบบ CRM ที่ใช้งานอยู่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการวัดผลด้วยตัวชี้วัดสำคัญ (Key Performance Indicators หรือ KPIs) เป็นคำตอบที่จะช่วยคุณประเมินความสำเร็จและปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
Conversion Rate: วัดความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลง
Conversion Rate เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนความสำเร็จในการเปลี่ยนผู้สนใจ (Leads) ให้กลายเป็นลูกค้า
-
วิธีการคำนวณ: Conversion Rate = (จำนวนผู้ที่ดำเนินการตามเป้าหมาย ÷ จำนวนผู้ที่เข้ามาในระบบ) × 100
ตัวอย่างเช่น หากแคมเปญการตลาดดึงดูดผู้มุ่งหวังได้ 1,000 คน และในจำนวนนี้มี 100 คนที่ซื้อสินค้า Conversion Rate จะเท่ากับ 10%
-
ประโยชน์ใน Marketing CRM: CRM ช่วยติดตามและวิเคราะห์ Conversion Rate ในแต่ละช่องทาง เช่น Email Campaign, Social Media หรือ Landing Page ตัวอย่างเช่น HubSpot CRM สามารถระบุได้ว่าช่องทางใดมี Conversion สูงที่สุด ทำให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์ในช่องทางนั้น
Customer Retention Rate: เก็บลูกค้าเดิมให้อยู่หมัด
ลูกค้าเก่ามักมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต่ำกว่าและสร้างรายได้ต่อเนื่อง การวัด Customer Retention Rate จึงช่วยให้ธุรกิจทราบว่ามีความสามารถในการรักษาลูกค้าไว้ได้มากแค่ไหน
-
วิธีการคำนวณ: Customer Retention Rate = ((จำนวนลูกค้าปัจจุบัน - ลูกค้าใหม่ในช่วงเวลา) ÷ จำนวนลูกค้าเริ่มต้น) × 100
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจเริ่มต้นเดือนด้วยลูกค้า 200 คน มีลูกค้าใหม่เพิ่ม 50 คน และจบเดือนด้วยลูกค้าทั้งหมด 230 คน Retention Rate = ((230 - 50) ÷ 200) × 100 = 90%
-
ประโยชน์ใน Marketing CRM: ระบบ Marketing CRM เช่น Salesforce สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเลิกใช้บริการ (Churn) และช่วยออกแบบกลยุทธ์การสื่อสารเฉพาะบุคคลเพื่อรักษาลูกค้าไว้ เช่น การส่งโปรโมชั่นพิเศษหรือข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ
Lead-to-Customer Ratio: วัดศักยภาพการแปลงผู้มุ่งหวังเป็นลูกค้า
Lead-to-Customer Ratio เป็นตัวชี้วัดที่แสดงถึงประสิทธิภาพของระบบในการแปลง Leads ให้กลายเป็นลูกค้าจริง
-
วิธีการคำนวณ: Lead-to-Customer Ratio = (จำนวนลูกค้าใหม่ ÷ จำนวน Leads ทั้งหมด) × 100
ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจมี Leads เข้ามา 500 คน และในจำนวนนี้ 50 คนกลายเป็นลูกค้าใหม่ Ratio จะเท่ากับ 10%
-
ประโยชน์ใน Marketing CRM: CRM ช่วยให้ทีมขายและการตลาดทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เช่น การใช้ Zoho CRM เพื่อติดตามสถานะของ Leads ใน Pipeline และปรับปรุงการสื่อสารหรือข้อเสนอเพื่อเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า
Customer Lifetime Value (CLV): วัดมูลค่าลูกค้าในระยะยาว
Customer Lifetime Value (CLV) เป็นตัวบ่งชี้ถึงรายได้รวมที่ลูกค้าจะสร้างให้กับธุรกิจตลอดระยะเวลาที่เป็นลูกค้า
-
วิธีการคำนวณ: CLV = (ค่าเฉลี่ยการซื้อ × ความถี่การซื้อเฉลี่ยต่อปี × ระยะเวลาความสัมพันธ์โดยเฉลี่ย)
ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าซื้อสินค้าเฉลี่ย 1,000 บาทต่อครั้ง ซื้อ 4 ครั้งต่อปี และคงเป็นลูกค้า 5 ปี CLV จะเท่ากับ 1,000 × 4 × 5 = 20,000 บาท
-
ประโยชน์ใน Marketing CRM: CRM ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเพิ่ม CLV เช่น การเสนอ Upselling หรือ Cross-Selling ผ่านแคมเปญเฉพาะบุคคล ตัวอย่างเช่น Amazon ใช้ระบบแนะนำสินค้าจากข้อมูลการซื้อก่อนหน้า
Cost per Acquisition (CPA): วัดต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่
Cost per Acquisition (CPA) ช่วยให้ธุรกิจทราบว่าต้องใช้เงินเท่าไรเพื่อให้ได้ลูกค้าใหม่หนึ่งราย
-
วิธีการคำนวณ: CPA = (ค่าใช้จ่ายในแคมเปญการตลาด ÷ จำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้รับ)
ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจลงทุนในโฆษณา 100,000 บาท และได้ลูกค้าใหม่ 200 คน CPA จะเท่ากับ 500 บาท
-
ประโยชน์ใน Marketing CRM: CRM ช่วยติดตามต้นทุนในแต่ละช่องทาง เช่น Facebook Ads, Google Ads หรือ Email Marketing ตัวอย่างเช่น การใช้ ActiveCampaign เพื่อตรวจสอบว่าแคมเปญใดสร้างลูกค้าใหม่ได้คุ้มค่าที่สุด
ตัวชี้วัด KPI ทั้ง 5 ด้านเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของระบบ Marketing CRM ไม่ว่าจะเป็นการวัด Conversion Rate ที่สะท้อนความสำเร็จของแคมเปญ หรือ CLV ที่ช่วยให้คุณมองเห็นคุณค่าของลูกค้าในระยะยาว การใช้งาน CRM อย่างมีประสิทธิภาพและการติดตาม KPI อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที เพิ่มรายได้ และรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
อ่านบทความเพิ่มเติม : สร้างแคมเปญการตลาด ที่ทรงพลังด้วย CRM : เคล็ดลับเจาะใจลูกค้า
อ่าน E-Book เพิ่มเติม : ครบทุกมิติของ CRM : ยกระดับธุรกิจด้วยระบบการจัดการลูกค้าที่ครอบคลุมทุกด้าน
No Comments