Digital Blog - Ourgreenfish

มัดรวม Digital Marketing Trend 2026 สำหรับเจ้าของธุรกิจ

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 24 ธ.ค. 2025, 8:30:00

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปในปี 2026
พฤติกรรมของลูกค้าในปี 2026 มีความซับซ้อนและแตกต่างหลากหลายมากขึ้น ธุรกิจต้องจับตามอง Consumer Trends อย่างใกล้ชิดเพราะผู้บริโภคเปลี่ยนความคาดหวังและวิธีตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

โดยกลุ่มลูกค้าเริ่มแบ่งออกเป็นสองขั้วตามปัจจัยเศรษฐกิจ

  • สายประหยัด ที่มองหาความคุ้มค่า (trade down) 
  • สายพรีเมียม ที่ยอมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า (trade up)

การแบ่งขั้วนี้หมายความว่าแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงใจทั้งสองกลุ่ม เช่น เสนอสินค้าที่คุ้มค่าในราคาจับต้องได้ควบคู่กับสินค้า/บริการระดับพรีเมียมสำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญกับความสะดวกและความรวดเร็วในการซื้อ (Convenience & Speed) พวกเขาคาดหวังว่าจะค้นหา ข้อมูลสินค้า, เปรียบเทียบ และซื้อได้ในที่เดียวอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้ Social Media หลายแพลตฟอร์มกลายเป็นจุดขายแบบครบวงจรที่ทั้งดูคอนเทนต์และช้อปได้ในที่เดียว

อีกด้านหนึ่ง ความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกแบรนด์อย่างมีนัยสำคัญ ลูกค้ายุคใหม่พร้อมสนับสนุนแบรนด์ที่มีจริยธรรมและความยั่งยืนมากขึ้น โดยผลสำรวจของ PwC ระบุว่าผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพิ่มเกือบ 10% เพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และสื่อสารคุณค่าเหล่านี้อย่างจริงจังจะได้เปรียบในการสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากลูกค้าในระยะยาว

เทคโนโลยีมาแรง : AI พลิกโฉมการตลาดอัตโนมัติ

AI กลายมาเป็นหัวใจของ Digital Marketing 2026 อย่างเต็มตัว มีการใช้งาน AI กว่าพันล้านคนต่อเดือนทั่วโลก ซึ่งสะท้อนว่า AI ได้แทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว

ในสายการตลาด AI ถูกนำมาใช้ช่วยตัดสินใจและมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อของลูกค้ามากขึ้น ตั้งแต่ระบบค้นหาอัจฉริยะที่สรุปคำตอบได้ทันที ไปจนถึงระบบแนะนำสินค้าส่วนบุคคล ยิ่งไปกว่านั้น Search Engine ชั้นนำยังเริ่มปรับรูปแบบการค้นหาเป็นการตอบคำถามด้วย AI เช่น การแสดงคำตอบเดียวที่มีบริบทครบจากการรวบรวมข้อมูลหลายแหล่ง แทนการแสดงลิงก์แบบเดิม ทำให้แนวคิด Answer Engine Optimization (AEO) เริ่มมีบทบาทในการทำ SEO มากขึ้น ธุรกิจจึงควรเตรียมข้อมูลของแบรนด์ให้มีโครงสร้างชัดเจน เพื่อพร้อมสำหรับการที่ AI จะหยิบไปแนะนำลูกค้า

นอกจากด้านการค้นหา AI ยังเข้ามาช่วยงานนักการตลาดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอนเทนต์ด้วย Generative AI, การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล ไปจนถึงการตอบแชทลูกค้าอัตโนมัติ แนวโน้มใหม่ที่น่าจับตาคือ AI Agents หรือระบบอัตโนมัติที่สามารถลงมือทำงานแทนคนได้เป็นขั้นตอน (“การตลาดกึ่งอัตโนมัติ” หรือ Marketing Automation) ซึ่งในช่วงปี 2025-2026 มีการพัฒนาเครื่องมือแนว Agentic AI จำนวนมากเพื่อช่วยลดงานซ้ำ ๆ ของนักการตลาด

ตัวอย่างเช่น การใช้ AI สร้างแคมเปญหลากหลายรูปแบบ หรือ AI ช่วยรายงานผลลัพธ์การตลาดแบบเรียลไทม์ ในการสำรวจของ Gartner พบว่า ผู้บริหารการตลาด (CMOs) ทั่วโลกเห็นตรงกันว่าการนำ AI มาช่วยทำงานแบบอัตโนมัติและเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็น 2 ใน 5 กลยุทธ์หลัก ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดได้จริง

ดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรเปิดรับเทคโนโลยี AI และระบบ Automation ในงานการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการลองใช้เครื่องมือ Chatbot, แพลตฟอร์ม Marketing Automation หรือเครื่องมือวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อประหยัดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และให้ทีมงานได้โฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

ใช้ข้อมูลและ MarTech สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (CDP, CRM, Loyalty)

ในยุคที่ผู้บริโภคกระโดดข้ามช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) กลายเป็นสินทรัพย์สำคัญในการทำการตลาด การเก็บและใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าเชิงลึกและทำการตลาดได้ตรงใจยิ่งขึ้น 

เทรนด์สำคัญในปี 2026 คือ ยุคทองของข้อมูล เมื่อแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ เริ่มจำกัดการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ เช่น การยกเลิกคุกกี้บุคคลที่สาม ธุรกิจจึงต้องหันมาโฟกัส First-party Data และ Zero-party Data (ข้อมูลที่ลูกค้าให้โดยสมัครใจ) มากขึ้น การลงทุนในระบบจัดการข้อมูลลูกค้าอย่าง CDP (Customer Data Platform) จะช่วยรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งไว้ในที่เดียว ทำให้มองเห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละรายได้ครบวงจร ตั้งแต่พฤติกรรมบนเว็บไซต์ไปจนถึงประวัติการซื้อและการตอบสนองแคมเปญ เครื่องมือประเภท CDP สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Analytics, Data Warehouse, แพลตฟอร์มโฆษณา, Email Marketing, เครื่องมือวัดพฤติกรรมบนเว็บ, ระบบดูแลลูกค้า (Customer Success) รวมถึง CRM กล่าวคือ หากธุรกิจคุณใช้งานระบบเหล่านี้อยู่ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ CDP มาช่วยเชื่อมข้อมูลให้ไหลลื่นไม่มีสะดุด

อีกเครื่องมือที่ขาดไม่ได้คือ CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งวันนี้ไม่ได้เป็นแค่ระบบเก็บรายชื่อลูกค้า แต่กลายเป็นศูนย์กลางในการบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าแบบองค์รวม ธุรกิจควรเชื่อมต่อ CRM เข้ากับทุกช่องทางที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์, หน้าร้าน หรือแชทแอปอย่าง LINE เพื่อให้ได้มุมมองลูกค้าแบบ 360 องศา 

ตัวอย่างในไทยเช่นการใช้ LINE CRM ที่ผสานฐานข้อมูลลูกค้าเข้ากับ Line Official Account ทำให้ส่งโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลหรือ Broadcast ข่าวสารได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ผลการสำรวจชี้ว่าหากเป็นโซลูชันที่ต้องเชื่อมกับแพลตฟอร์มเฉพาะทางของไทยอย่าง LINE (เช่น Chat Commerce หรือ CRM สำหรับ B2C) ผู้ให้บริการ MarTech สัญชาติไทยมักได้รับความนิยมมากกว่าเจ้าใหญ่จากต่างประเทศ เนื่องจากตอบโจทย์บริบทได้ดีกว่า ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการทำ CRM สำหรับลูกค้าคนไทยอาจพิจารณาโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ โปรแกรม Loyalty และกลยุทธ์รักษาลูกค้าเก่าจะยิ่งทวีความสำคัญในปี 2026 ด้วยเหตุผลสองข้อ 

  1. การตลาดยุคใหม่ต้องไม่จบแค่ปิดการขาย แต่ต้องออกแบบเส้นทางหลังการซื้อให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์นานที่สุด สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวผ่านสิทธิประโยชน์และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง (แนวคิด Always-on Relationship Marketing) 
  2. การที่ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำมีต้นทุนถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่ และยังสามารถสร้างdkiบอกต่อได้ดีกว่า การมี Loyalty Program ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ธุรกิจเก็บ Zero-party Data (เช่น ความชอบส่วนตัว, ข้อมูลโปรไฟล์ที่ลูกค้าให้มา) เพื่อใช้ปรับแต่งข้อเสนอให้แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และเพิ่ม Lifetime Value ของลูกค้าแต่ละราย 

ธุรกิจควรมองหาเครื่องมือ MarTech ที่สนับสนุนการทำ Loyalty Program เช่น ระบบสะสมแต้ม, ระบบสมาชิก, หรือแอปพลิเคชัน CRM ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลหลักของบริษัท เพื่อให้การบริหารลูกค้าครอบคลุมตั้งแต่การหาลูกค้าใหม่ไปจนถึงรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ

Social Commerce และช่องทางการตลาดใหม่ ๆ

Social Commerce ถือเป็นหนึ่งใน Digital Marketing Trend 2026 ที่โดดเด่น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันไม่แยกอีกต่อไปว่าแพลตฟอร์มไหนไว้แค่ดูคอนเทนต์หรือแพลตฟอร์มไหนไว้ซื้อของ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่ขั้นเห็นโฆษณาจนตัดสินใจซื้อ แบรนด์ต่าง ๆ จึงเร่งผสาน “ช่องทางโซเชียล” ให้กลายเป็น “ช่องทางขายแบบครบวงจร (End-to-End Commerce)” มากขึ้น ฟีเจอร์อย่าง Live Commerce หรือร้านค้าบนโซเชียลถูกนำมาใช้เป็นหลักอย่างต่อเนื่อง หลายแบรนด์จัดไลฟ์ขายของกันทุกสัปดาห์หรือทุกวันจนกลายเป็นช่องทางขายแบบ Always-on ที่เข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา

แนวโน้มนี้สะท้อนว่าแบรนด์ต้องวางแผน Content และระบบร้านค้าบนโซเชียลให้รองรับการตัดสินใจซื้อแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่คอนเทนต์รีวิว, การใช้ Influencer แนะนำสินค้า, การตอบคำถามลูกค้าผ่านแชทบอท ไปจนถึงขั้นตอนปิดการขายและบริการหลังการขาย ทุกอย่างเกิดขึ้นใน ecosystem เดียวกันได้จบครบ

สำหรับช่องทางที่มาแรงโดยเฉพาะในไทย TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจต้องจับตามองอย่างยิ่ง รายงานล่าสุดพบว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เอเจนซี่โฆษณาไทยจัดอันดับว่ามีอิทธิพลสูงสุดต่อการใช้งานในอนาคต เนื่องจากความนิยมของวิดีโอสั้นแนวตั้งและกระแส “ปักตะกร้า” ผ่าน TikTok Live และ TikTok Shop ซึ่งช่วยเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น นั่นหมายความว่ากลยุทธ์การตลาดบน TikTok (เช่น การทำคอนเทนต์ไวรัล, การจ้าง TikTok Influencer, การยิงโฆษณา TikTok Shop) จะเป็น โอกาสทองในการเพิ่มยอดขายในปี 2026 

นอกเหนือจาก TikTok แล้ว แพลตฟอร์มเกิดใหม่อื่น ๆ ที่น่าสนใจอาจรวมถึง Social Platform เฉพาะกลุ่ม หรือ Marketplace ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนี้ เช่น แพลตฟอร์มที่รวม AI Chat Commerce หรือการช้อปผ่านแอปแชทโดยตรง ธุรกิจควรทดลอง.=h’koช่องทางใหม่เหล่านี้ พร้อมทั้งทำ Omnichannel Marketing เชื่อมประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางใด

โอกาสและการปรับตัวที่เจ้าของธุรกิจควรจับตา

เมื่อเห็นภาพรวมของ Digital Marketing Trend 2026 แล้ว คำถามสำคัญคือ ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือยัง? ทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมโอกาสสำหรับผู้ที่เตรียมตัวก่อน เจ้าของธุรกิจควรใช้โอกาสนี้ในการประเมินและวางแผนกลยุทธ์ปี 2026 ใหม่ ดังนี้

  • นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีกลยุทธ์ : พิจารณาลงทุนในเครื่องมือ MarTech ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ CRM เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า, แพลตฟอร์ม CDP เพื่อรวมและวิเคราะห์ข้อมูลข้ามช่องทาง หรือระบบ Marketing Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่าลืมวางแผน Training ทีมงานให้ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เต็มที่ เช่นเดียวกับการวางแผน Integration เชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ธุรกิจโดยเฉลี่ยมีการใช้ MarTech มากขึ้นถึงประมาณ19-20% ของเครื่องมือในปี 2025 (เพิ่มขึ้น 40-50% จากปีก่อนหน้า) และแนวโน้มจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกในปี 2026 การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องมือเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
  • เข้าใจลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่ใช่ : ใช้ประโยชน์จากข้อมูล (อย่างถูกจริยธรรม) เพื่อทำความเข้าใจอินไซต์ของลูกค้าในเชิงลึก จัดแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ตามพฤติกรรมหรือความต้องการ แล้วปรับข้อความและข้อเสนอให้ตรงใจแต่ละกลุ่ม (Personalization) ในขณะเดียวกัน การแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ใส่ใจคุณค่าที่พวกเขาสนใจ (เช่น ความยั่งยืน, การดูแลสังคม, การบริการที่จริงใจ) จะช่วยสร้าง Brand Loyalty ที่เหนียวแน่นขึ้น
  • ใช้ช่องทางการตลาดที่หลากหลายแต่บูรณาการ : ปี 2026 ไม่ใช่เวลาของการพึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ธุรกิจที่แข็งแรงควรมีกลยุทธ์แบบ Omnichannel ที่นำข้อดีของแต่ละช่องทางมาสนับสนุนกัน เช่น ใช้โซเชียลมีเดียสร้างการรับรู้และปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ดีบนหน้าร้านออนไลน์ของตนเอง และผสานข้อมูลจากทุกช่องทางเข้าด้วยกันเพื่อติดตามผลลัพธ์ในภาพรวม นอกจากนี้ควรมองหาโอกาสในช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเริ่มจากการทดลองด้วยงบประมาณเล็กๆ เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีค่อยเพิ่มการลงทุน
  • สร้างพันธมิตรและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ : การปรับตัวสู่ยุค Digital-First อย่างเต็มตัวอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ SME การมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและ MarTech จะช่วยให้องค์กรของคุณก้าวข้ามช่วงการเรียนรู้ไปได้เร็วขึ้น บริษัท Ourgreenfish เป็นตัวอย่างของผู้ให้บริการด้าน MarTech Solutions ที่ช่วยธุรกิจวางกลยุทธ์และติดตั้งเครื่องมือการตลาดสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการ ติดตั้งระบบ HubSpot CRM, การเชื่อมต่อ LINE CRM, การวางระบบ Loyalty Program ตลอดจนการใช้ แพลตฟอร์ม AI และ Automation ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับธุรกิจไทย โดย Ourgreenfish เน้นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจได้ว่าการปรับใช้เทรนด์ใหม่ๆ จะเป็นไปอย่างถูกทิศทาง คุ้มค่าการลงทุน และทันต่อคู่แข่งในตลาด

ท้ายที่สุดแล้ว Digital Marketing Trend 2026 ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำตามทุกอย่างในทันที แต่คือภาพรวมทิศทางที่เจ้าของธุรกิจควรทราบล่วงหน้า “รู้ก่อน ปรับตัวก่อน” ย่อมสร้างความได้เปรียบ การเลือกเทรนด์ที่สอดคล้องกับบริบทธุรกิจของคุณแล้วลงมือปรับใช้ทีละก้าวอย่างมีแผนจะช่วยให้คุณคว้าโอกาสใหม่และนำหน้าคู่แข่งในปี 2026 ได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมว่าหัวใจของการตลาดยังคงอยู่ที่ ความเข้าใจลูกค้า และการสร้างคุณค่าให้พวกเขา เทคโนโลยีและช่องทางใหม่เป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยส่งมอบคุณค่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น หากธุรกิจสามารถผสมผสานกลยุทธ์การตลาดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเข้ากับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัว ปี 2026 ก็จะเป็นปีทองของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

อ้างอิง :

อ่านบทความเพิ่มเติม : FAQ เกี่ยวกับ Marketing Trends 2026 ที่นักการตลาดต้องรู้

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com