<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

มัดรวม Digital Marketing Trend 2026 สำหรับเจ้าของธุรกิจ

Audio Version
มัดรวม Digital Marketing Trend 2026 สำหรับเจ้าของธุรกิจ
17:23

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปในปี 2026
พฤติกรรมของลูกค้าในปี 2026 มีความซับซ้อนและแตกต่างหลากหลายมากขึ้น ธุรกิจต้องจับตามอง Consumer Trends อย่างใกล้ชิดเพราะผู้บริโภคเปลี่ยนความคาดหวังและวิธีตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

โดยกลุ่มลูกค้าเริ่มแบ่งออกเป็นสองขั้วตามปัจจัยเศรษฐกิจ

  • สายประหยัด ที่มองหาความคุ้มค่า (trade down) 
  • สายพรีเมียม ที่ยอมจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่า (trade up)

การแบ่งขั้วนี้หมายความว่าแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ให้ตรงใจทั้งสองกลุ่ม เช่น เสนอสินค้าที่คุ้มค่าในราคาจับต้องได้ควบคู่กับสินค้า/บริการระดับพรีเมียมสำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญกับความสะดวกและความรวดเร็วในการซื้อ (Convenience & Speed) พวกเขาคาดหวังว่าจะค้นหา ข้อมูลสินค้า, เปรียบเทียบ และซื้อได้ในที่เดียวอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้ Social Media หลายแพลตฟอร์มกลายเป็นจุดขายแบบครบวงจรที่ทั้งดูคอนเทนต์และช้อปได้ในที่เดียว

อีกด้านหนึ่ง ความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกแบรนด์อย่างมีนัยสำคัญ ลูกค้ายุคใหม่พร้อมสนับสนุนแบรนด์ที่มีจริยธรรมและความยั่งยืนมากขึ้น โดยผลสำรวจของ PwC ระบุว่าผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพิ่มเกือบ 10% เพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และสื่อสารคุณค่าเหล่านี้อย่างจริงจังจะได้เปรียบในการสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากลูกค้าในระยะยาว

shutterstock_2510199037

เทคโนโลยีมาแรง : AI พลิกโฉมการตลาดอัตโนมัติ

AI กลายมาเป็นหัวใจของ Digital Marketing 2026 อย่างเต็มตัว มีการใช้งาน AI กว่าพันล้านคนต่อเดือนทั่วโลก ซึ่งสะท้อนว่า AI ได้แทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว

ในสายการตลาด AI ถูกนำมาใช้ช่วยตัดสินใจและมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อของลูกค้ามากขึ้น ตั้งแต่ระบบค้นหาอัจฉริยะที่สรุปคำตอบได้ทันที ไปจนถึงระบบแนะนำสินค้าส่วนบุคคล ยิ่งไปกว่านั้น Search Engine ชั้นนำยังเริ่มปรับรูปแบบการค้นหาเป็นการตอบคำถามด้วย AI เช่น การแสดงคำตอบเดียวที่มีบริบทครบจากการรวบรวมข้อมูลหลายแหล่ง แทนการแสดงลิงก์แบบเดิม ทำให้แนวคิด Answer Engine Optimization (AEO) เริ่มมีบทบาทในการทำ SEO มากขึ้น ธุรกิจจึงควรเตรียมข้อมูลของแบรนด์ให้มีโครงสร้างชัดเจน เพื่อพร้อมสำหรับการที่ AI จะหยิบไปแนะนำลูกค้า

นอกจากด้านการค้นหา AI ยังเข้ามาช่วยงานนักการตลาดในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอนเทนต์ด้วย Generative AI, การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล ไปจนถึงการตอบแชทลูกค้าอัตโนมัติ แนวโน้มใหม่ที่น่าจับตาคือ AI Agents หรือระบบอัตโนมัติที่สามารถลงมือทำงานแทนคนได้เป็นขั้นตอน (“การตลาดกึ่งอัตโนมัติ” หรือ Marketing Automation) ซึ่งในช่วงปี 2025-2026 มีการพัฒนาเครื่องมือแนว Agentic AI จำนวนมากเพื่อช่วยลดงานซ้ำ ๆ ของนักการตลาด

ตัวอย่างเช่น การใช้ AI สร้างแคมเปญหลากหลายรูปแบบ หรือ AI ช่วยรายงานผลลัพธ์การตลาดแบบเรียลไทม์ ในการสำรวจของ Gartner พบว่า ผู้บริหารการตลาด (CMOs) ทั่วโลกเห็นตรงกันว่าการนำ AI มาช่วยทำงานแบบอัตโนมัติและเชื่อมระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็น 2 ใน 5 กลยุทธ์หลัก ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดได้จริง

ดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรเปิดรับเทคโนโลยี AI และระบบ Automation ในงานการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการลองใช้เครื่องมือ Chatbot, แพลตฟอร์ม Marketing Automation หรือเครื่องมือวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อประหยัดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และให้ทีมงานได้โฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

AI ​​Search

ใช้ข้อมูลและ MarTech สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (CDP, CRM, Loyalty)

ในยุคที่ผู้บริโภคกระโดดข้ามช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ ข้อมูลลูกค้า (Customer Data) กลายเป็นสินทรัพย์สำคัญในการทำการตลาด การเก็บและใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าเชิงลึกและทำการตลาดได้ตรงใจยิ่งขึ้น 

เทรนด์สำคัญในปี 2026 คือ ยุคทองของข้อมูล เมื่อแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ เริ่มจำกัดการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ เช่น การยกเลิกคุกกี้บุคคลที่สาม ธุรกิจจึงต้องหันมาโฟกัส First-party Data และ Zero-party Data (ข้อมูลที่ลูกค้าให้โดยสมัครใจ) มากขึ้น การลงทุนในระบบจัดการข้อมูลลูกค้าอย่าง CDP (Customer Data Platform) จะช่วยรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งไว้ในที่เดียว ทำให้มองเห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละรายได้ครบวงจร ตั้งแต่พฤติกรรมบนเว็บไซต์ไปจนถึงประวัติการซื้อและการตอบสนองแคมเปญ เครื่องมือประเภท CDP สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Analytics, Data Warehouse, แพลตฟอร์มโฆษณา, Email Marketing, เครื่องมือวัดพฤติกรรมบนเว็บ, ระบบดูแลลูกค้า (Customer Success) รวมถึง CRM กล่าวคือ หากธุรกิจคุณใช้งานระบบเหล่านี้อยู่ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ CDP มาช่วยเชื่อมข้อมูลให้ไหลลื่นไม่มีสะดุด

อีกเครื่องมือที่ขาดไม่ได้คือ CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งวันนี้ไม่ได้เป็นแค่ระบบเก็บรายชื่อลูกค้า แต่กลายเป็นศูนย์กลางในการบริหารความสัมพันธ์และประสบการณ์ลูกค้าแบบองค์รวม ธุรกิจควรเชื่อมต่อ CRM เข้ากับทุกช่องทางที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์, หน้าร้าน หรือแชทแอปอย่าง LINE เพื่อให้ได้มุมมองลูกค้าแบบ 360 องศา 

Shaping the Future with Customer Platforms and AI in 2025

ตัวอย่างในไทยเช่นการใช้ LINE CRM ที่ผสานฐานข้อมูลลูกค้าเข้ากับ Line Official Account ทำให้ส่งโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลหรือ Broadcast ข่าวสารได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ผลการสำรวจชี้ว่าหากเป็นโซลูชันที่ต้องเชื่อมกับแพลตฟอร์มเฉพาะทางของไทยอย่าง LINE (เช่น Chat Commerce หรือ CRM สำหรับ B2C) ผู้ให้บริการ MarTech สัญชาติไทยมักได้รับความนิยมมากกว่าเจ้าใหญ่จากต่างประเทศ เนื่องจากตอบโจทย์บริบทได้ดีกว่า ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการทำ CRM สำหรับลูกค้าคนไทยอาจพิจารณาโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากนี้ โปรแกรม Loyalty และกลยุทธ์รักษาลูกค้าเก่าจะยิ่งทวีความสำคัญในปี 2026 ด้วยเหตุผลสองข้อ 

  1. การตลาดยุคใหม่ต้องไม่จบแค่ปิดการขาย แต่ต้องออกแบบเส้นทางหลังการซื้อให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์นานที่สุด สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวผ่านสิทธิประโยชน์และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง (แนวคิด Always-on Relationship Marketing) 
  2. การที่ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำมีต้นทุนถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่ และยังสามารถสร้างdkiบอกต่อได้ดีกว่า การมี Loyalty Program ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ธุรกิจเก็บ Zero-party Data (เช่น ความชอบส่วนตัว, ข้อมูลโปรไฟล์ที่ลูกค้าให้มา) เพื่อใช้ปรับแต่งข้อเสนอให้แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ และเพิ่ม Lifetime Value ของลูกค้าแต่ละราย 

ธุรกิจควรมองหาเครื่องมือ MarTech ที่สนับสนุนการทำ Loyalty Program เช่น ระบบสะสมแต้ม, ระบบสมาชิก, หรือแอปพลิเคชัน CRM ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลหลักของบริษัท เพื่อให้การบริหารลูกค้าครอบคลุมตั้งแต่การหาลูกค้าใหม่ไปจนถึงรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ

New call-to-action

Social Commerce และช่องทางการตลาดใหม่ ๆ

Social Commerce ถือเป็นหนึ่งใน Digital Marketing Trend 2026 ที่โดดเด่น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันไม่แยกอีกต่อไปว่าแพลตฟอร์มไหนไว้แค่ดูคอนเทนต์หรือแพลตฟอร์มไหนไว้ซื้อของ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่ขั้นเห็นโฆษณาจนตัดสินใจซื้อ แบรนด์ต่าง ๆ จึงเร่งผสาน “ช่องทางโซเชียล” ให้กลายเป็น “ช่องทางขายแบบครบวงจร (End-to-End Commerce)” มากขึ้น ฟีเจอร์อย่าง Live Commerce หรือร้านค้าบนโซเชียลถูกนำมาใช้เป็นหลักอย่างต่อเนื่อง หลายแบรนด์จัดไลฟ์ขายของกันทุกสัปดาห์หรือทุกวันจนกลายเป็นช่องทางขายแบบ Always-on ที่เข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา

แนวโน้มนี้สะท้อนว่าแบรนด์ต้องวางแผน Content และระบบร้านค้าบนโซเชียลให้รองรับการตัดสินใจซื้อแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่คอนเทนต์รีวิว, การใช้ Influencer แนะนำสินค้า, การตอบคำถามลูกค้าผ่านแชทบอท ไปจนถึงขั้นตอนปิดการขายและบริการหลังการขาย ทุกอย่างเกิดขึ้นใน ecosystem เดียวกันได้จบครบ

สำหรับช่องทางที่มาแรงโดยเฉพาะในไทย TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจต้องจับตามองอย่างยิ่ง รายงานล่าสุดพบว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เอเจนซี่โฆษณาไทยจัดอันดับว่ามีอิทธิพลสูงสุดต่อการใช้งานในอนาคต เนื่องจากความนิยมของวิดีโอสั้นแนวตั้งและกระแส “ปักตะกร้า” ผ่าน TikTok Live และ TikTok Shop ซึ่งช่วยเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อได้ง่ายขึ้น นั่นหมายความว่ากลยุทธ์การตลาดบน TikTok (เช่น การทำคอนเทนต์ไวรัล, การจ้าง TikTok Influencer, การยิงโฆษณา TikTok Shop) จะเป็น โอกาสทองในการเพิ่มยอดขายในปี 2026 

นอกเหนือจาก TikTok แล้ว แพลตฟอร์มเกิดใหม่อื่น ๆ ที่น่าสนใจอาจรวมถึง Social Platform เฉพาะกลุ่ม หรือ Marketplace ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนี้ เช่น แพลตฟอร์มที่รวม AI Chat Commerce หรือการช้อปผ่านแอปแชทโดยตรง ธุรกิจควรทดลอง.=h’koช่องทางใหม่เหล่านี้ พร้อมทั้งทำ Omnichannel Marketing เชื่อมประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางใด


โอกาสและการปรับตัวที่เจ้าของธุรกิจควรจับตา

เมื่อเห็นภาพรวมของ Digital Marketing Trend 2026 แล้ว คำถามสำคัญคือ ธุรกิจของคุณพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หรือยัง? ทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมมาพร้อมโอกาสสำหรับผู้ที่เตรียมตัวก่อน เจ้าของธุรกิจควรใช้โอกาสนี้ในการประเมินและวางแผนกลยุทธ์ปี 2026 ใหม่ ดังนี้

  • นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีกลยุทธ์ : พิจารณาลงทุนในเครื่องมือ MarTech ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ CRM เพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า, แพลตฟอร์ม CDP เพื่อรวมและวิเคราะห์ข้อมูลข้ามช่องทาง หรือระบบ Marketing Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่าลืมวางแผน Training ทีมงานให้ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เต็มที่ เช่นเดียวกับการวางแผน Integration เชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ธุรกิจโดยเฉลี่ยมีการใช้ MarTech มากขึ้นถึงประมาณ19-20% ของเครื่องมือในปี 2025 (เพิ่มขึ้น 40-50% จากปีก่อนหน้า) และแนวโน้มจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกในปี 2026 การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องมือเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
  • เข้าใจลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่ใช่ : ใช้ประโยชน์จากข้อมูล (อย่างถูกจริยธรรม) เพื่อทำความเข้าใจอินไซต์ของลูกค้าในเชิงลึก จัดแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) ตามพฤติกรรมหรือความต้องการ แล้วปรับข้อความและข้อเสนอให้ตรงใจแต่ละกลุ่ม (Personalization) ในขณะเดียวกัน การแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ใส่ใจคุณค่าที่พวกเขาสนใจ (เช่น ความยั่งยืน, การดูแลสังคม, การบริการที่จริงใจ) จะช่วยสร้าง Brand Loyalty ที่เหนียวแน่นขึ้น
  • ใช้ช่องทางการตลาดที่หลากหลายแต่บูรณาการ : ปี 2026 ไม่ใช่เวลาของการพึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ธุรกิจที่แข็งแรงควรมีกลยุทธ์แบบ Omnichannel ที่นำข้อดีของแต่ละช่องทางมาสนับสนุนกัน เช่น ใช้โซเชียลมีเดียสร้างการรับรู้และปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างประสบการณ์แบรนด์ที่ดีบนหน้าร้านออนไลน์ของตนเอง และผสานข้อมูลจากทุกช่องทางเข้าด้วยกันเพื่อติดตามผลลัพธ์ในภาพรวม นอกจากนี้ควรมองหาโอกาสในช่องทางใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเริ่มจากการทดลองด้วยงบประมาณเล็กๆ เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีค่อยเพิ่มการลงทุน
  • สร้างพันธมิตรและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ : การปรับตัวสู่ยุค Digital-First อย่างเต็มตัวอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ SME การมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและ MarTech จะช่วยให้องค์กรของคุณก้าวข้ามช่วงการเรียนรู้ไปได้เร็วขึ้น บริษัท Ourgreenfish เป็นตัวอย่างของผู้ให้บริการด้าน MarTech Solutions ที่ช่วยธุรกิจวางกลยุทธ์และติดตั้งเครื่องมือการตลาดสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการ ติดตั้งระบบ HubSpot CRM, การเชื่อมต่อ LINE CRM, การวางระบบ Loyalty Program ตลอดจนการใช้ แพลตฟอร์ม AI และ Automation ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับธุรกิจไทย โดย Ourgreenfish เน้นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจได้ว่าการปรับใช้เทรนด์ใหม่ๆ จะเป็นไปอย่างถูกทิศทาง คุ้มค่าการลงทุน และทันต่อคู่แข่งในตลาด

ท้ายที่สุดแล้ว Digital Marketing Trend 2026 ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำตามทุกอย่างในทันที แต่คือภาพรวมทิศทางที่เจ้าของธุรกิจควรทราบล่วงหน้า “รู้ก่อน ปรับตัวก่อน” ย่อมสร้างความได้เปรียบ การเลือกเทรนด์ที่สอดคล้องกับบริบทธุรกิจของคุณแล้วลงมือปรับใช้ทีละก้าวอย่างมีแผนจะช่วยให้คุณคว้าโอกาสใหม่และนำหน้าคู่แข่งในปี 2026 ได้อย่างมั่นใจ อย่าลืมว่าหัวใจของการตลาดยังคงอยู่ที่ ความเข้าใจลูกค้า และการสร้างคุณค่าให้พวกเขา เทคโนโลยีและช่องทางใหม่เป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยส่งมอบคุณค่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น หากธุรกิจสามารถผสมผสานกลยุทธ์การตลาดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเข้ากับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างลงตัว ปี 2026 ก็จะเป็นปีทองของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน

อ้างอิง :

อ่านบทความเพิ่มเติม : FAQ เกี่ยวกับ Marketing Trends 2026 ที่นักการตลาดต้องรู้

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast