ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าธุรกิจต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับธุรกิจได้ไม่น้อย
และบทความนี้ เราจะมาเปิดเผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นข้อมูลจาก Gartner ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2023 ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยแบ่งออกมาเป็น 4 ธีมหลัก ๆ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดลำดับความสำคัญของการนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้
10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์โดย Gartner สำหรับปี 2023 มีอะไรบ้าง?
1. Optimize
- Digital Immune System
เป็นการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการรวมกลยุทธ์ทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่หลากหลายแบบ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ผ่านการใช้ความสามารถในการสังเกตการณ์, ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ และการทดสอบขั้นสูง ซึ่งทำให้ระบบมีความยืดหยุ่น โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน และมีความปลอดภัย โดยเทคโนโลยีนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานและเป็นเทรนด์ที่หลายธุรกิจจะให้ความสำคัญกันอย่างมากขึ้นแน่นอน - Applied Observability
เป็นกระบวนการทำงานจากข้อมูลที่องค์กรปล่อยออกมา โดยใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์ และให้คำแนะนำ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เมื่อมีการนำไปใช้อย่างเป็นระบบ ก็จะสามารถลดเวลาในการตอบสนอง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจแบบ Real-time ได้ - AI TRiSM
AI TRiSM (AI Trust Risk & Security Management) คือ โครงร่างซอฟต์แวร์ที่รองรับการกำกับดูแลโมเดล AI ที่มีความน่าเชื่อถือ, มีความยุติธรรม, สามารถไว้วางใจได้, มีความทนทาน, มีประสิทธิภาพ และมีการปกป้องข้อมูล โดยจะผสมผสานวิธีการอธิบายผลลัพธ์ของระบบ AI, การปรับใช้โมเดลใหม่อย่างรวดเร็ว, การจัดการความปลอดภัยของระบบ AI อย่างจริงจัง และการควบคุมปัญหาความเป็นส่วนตัว และในเรื่องของจริยธรรม
2. Optimize - Industry Cloud Platforms
ในอนาคต องค์กรจะมีการใช้แพลตฟอร์มระบบ Cloud ในการเก็บข้อมูลมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีนี้ เป็นการรวม SaaS, PaaS และ IaaS เข้ากับฟังก์ชันการทำงานของอุตสาหกรรมที่มีการปรับแต่งมาโดยเฉพาะ ซึ่งองค์กรสามารถใช้ เพื่อปรับให้เข้ากับอุตสาหกรรมของตนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้องค์กรมีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น
โดย Gartner คาดว่า ภายในปี 2027 องค์กรต่าง ๆ จะใช้ แพลตฟอร์มระบบ Cloud เพื่อเร่งแผนการทำธุรกิจที่สำคัญ มากกว่า 50% ถึงแม้ว่าในปี 2021 ที่ผ่านมา จะมีการใช้น้อยกว่า 10% ก็ตาม - Platform Engineering
เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับของแอปพลิเคชัน และการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่มีความสามารถ และมีกระบวนการที่คัดมาเป็นอย่างดี โดยช่วยให้การใช้งานง่ายสำหรับนักพัฒนา และผู้ใช้งาน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้งาน และลดภาระของทีมพัฒนาได้ และในปัจจุบัน เทรนด์นี้กำลังเป็นที่พูดถึง และมีเป้าหมายในการสร้าง และบำรุงรักษาแพลตฟอร์มต่าง ๆ - Wireless-Value Realization
เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการให้บริการเครือข่ายไร้สาย โดยเครือข่ายดังกล่าว จะให้คุณค่า และเป็นมากกว่าการเชื่อมต่อ โดยจะให้ข้อมูลในด้านการติดตามตำแหน่ง และข้อมูลแบบ Real-time อื่น ๆ และข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ ฯลฯ
โดย Gartner ได้ใช้คำว่า “การตระหนักรู้ถึงมูลค่าแบบไร้สาย” ในการอธิบายถึงแนวทางที่เทคโนโลยีไร้สายยุคหน้าจะส่งมอบบริการใหม่ที่ได้รับการพัฒนา และลดต้นทุนของเงินทุน
3. Pioneer
- Superapps
เป็นแอปพลิเคชันที่รวบรวมบริการต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน โดยรวมฟีเจอร์, แพลตฟอร์ม และระบบต่าง ๆ ไว้ในแอปพลิเคชันเดียว ทำให้การใช้งานนั้น ง่าย และมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และในยุคที่ Smartphone มีบทบาทสำคัญมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทรนด์นี้จะมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน
โดย Gartner คาดว่า ภายในปี 2027 มากกว่า 50% ของประชากรโลกจะเป็นผู้ใช้งาน superapp หลายตัวในแต่ละวัน - Adaptive AI
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานต่าง ๆ ได้แบบ Real-time เนื่องจาก Adaptive AI สามารถอ่านพฤติกรรม และปรับเปลี่ยนในทันที โดยระบบสามารถฝึกรูปแบบใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง และเรียนรู้ภายในเวลาที่ทำการประมวลผล (Runtime) และสภาพแวดล้อมการในการพัฒนา โดยอิงจากข้อมูลใหม่ และเป้าหมายที่ปรับเปลี่ยน เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ - Metaverse
Metaverse เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีแห่งโลกเสมือน ที่บรรจบกันระหว่างโลกทางกายภาพ กับโลกเสมือน โดยเทคโนโลยีช่วยให้ผู้คนจำลองตนเอง หรือเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) ของพวกเขา ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงผสมผสานที่มาจากความสามารถด้านเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย โดยองค์กรต่าง ๆ สามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง พนักงาน และลูกค้า
4. Sustainable Technology
- Sustainability
การส่งมอบเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอในปี 2023 โดย Sustainable Technology เป็นกรอบของโซลูชันที่เพิ่มพลังงาน และประสิทธิภาพของบริการในด้าน IT ซึ่งช่วยให้องค์กรมีความยั่งยืนผ่านการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability), การวิเคราะห์, ซอฟต์แวร์การจัดการการปล่อยมลพิษ และ AI นอกจากนี้ ยังช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนเองอีกด้วย
โดยการลงทุนใน Sustainable Technology ยังมีศักยภาพในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับการดำเนินงาน และประสิทธิภาพทางการเงินที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เป็นช่องทางใหม่สำหรับการสร้างการเติบโตได้อีกด้วย
โดยสรุปแล้ว เทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้ อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของคุณได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเริ่มใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทั้งหมดไปพร้อมกันเลยทีเดียว อาจจะเลือกปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจของคุณ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
Source : Gartner
No Comments