Master Blog - Ourgreenfish

ทำไม Big Data ถึงมีบทบาทสำคัญต่อการตลาดในยุคดิจิทัล

เขียนโดย ปาริฉัตร สมสวัสดิ์ - Aug 30, 2022 7:31:22 AM

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Big Data เป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้บริหาร หรือนักการตลาด ให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนทางธุรกิจมากขึ้น และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ  โดยข้อมูล Big Data ของธุรกิจ ทั้งข้อมูลของบริษัท, ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลคู่แข่ง จะช่วยพัฒนาการทำธุรกิจได้อย่างแท้จริง ให้คุณสามารถตอบสนองลูกค้าได้จากการรู้ Insight หรือข้อมูลเชิงลึก ทำให้เข้าใจพฤติกรรม และความรู้สึกของลูกค้ามากขึ้น ช่วยสร้างประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังพัฒนาศักยภาพของธุรกิจ สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่งได้อีกด้วย

ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่า Big Data คืออะไร และช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณได้อย่างไร? 


Big Data คืออะไร

Big Data คือ ข้อมูลในจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นข้อมูลจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลบริษัท, ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลสินค้า, พฤติกรรมของผู้ซื้อ ฯลฯ เป็นการรวบรวม การวิเคราะห์ และการบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลผ่านการใช้งานดิจิทัล 

เทคโนโลยีนี้ยังคงได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยมี AI หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวช่วยสำคัญ ซึ่ง Big Data ต้องใช้ AI ในการรวบรวมเพื่อทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ในขณะที่ AI ก็ต้องการ Big Data เพื่อขยายความสามารถของตัวเอง การพึ่งพาอาศัยกันนี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกที่ที่คุณต้องการใช้ Big Data รวมถึง บริการด้านการตลาดดิจิทัล

 

Big Data ทำงานอย่างไร

คุณลักษณะของ Big Data มี 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งเรียกกันว่า โมเดล 3Vs 

  • ปริมาณ (Volume) : จากที่กล่าวมา Big Data สามารถจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้
  • ความรวดเร็ว (Velocity) : มีการเติบโตของข้อมูลที่รวดเร็ว หรือมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบรวดเร็ว
  • ความหลากหลาย (Variety) : ข้อมูลที่มีรูปแบบหลากหลาย ทั้งมีโครงสร้าง และไม่มีโครงสร้างชัดเจน หรือมาจากหลากหลายแหล่งที่มา

ความสามารถที่ Big Data จะมอบให้ได้ผ่านคุณลักษณะเหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดย Big Data จะใช้งานในการทำการตลาดได้ โดยจะทำงานด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลดิจิทัล จากแหล่งต่าง ๆ ที่คุณต้องการ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ, กิจกรรมออนไลน์ของผู้เข้าชม และประวัติการเข้าชม, การทำธุรกรรมทางธุรกิจ จากนั้น มันจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่า คอนเทนต์ใด ได้ผลดี หรือไม่ดี และเพราะอะไร, สินค้าใดขายได้ หรือขายไม่ได้, แคมเปญการตลาดดิจิทัลของคุณประสบความสำเร็จหรือไม่และอย่างไร หรือแม้กระทั่ง ให้ข้อเสนอการสำรองข้อมูล หรือขั้นตอนการดำเนินการได้

 

บทบาทของ Big Data ในด้านการขาย และการตลาด

Big Data ยังคงอยู่ในการพัฒนาปรับปรุงเป็นอย่างมาก และคุณรู้หรือไม่ว่า บริษัทต่าง ๆ ได้ใช้เทคโนโลยีนี้ไปมากแค่ไหน โดยเฉพาะในบริษัทต่างชาติ

หากคุณสงสัยว่า ทำไมบริษัทต่าง ๆ ที่คุณซื้อสินค้า หรือบริการนั้น ถึงรู้จักคุณดีจนเกินไป? นั่นก็เป็นเพราะพวกทำมีการรวบรวม Big Data นั่นเอง

โดย Big Data มีหน้าที่ในการจดจำประวัติออนไลน์ต่าง ๆ และค้นหาความชอบของคุณ ซึ่งข้อมูลของคุณ และของผู้บริโภคจะสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจมากมาย ดังนี้

1. ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ พิจารณาได้ว่า สินค้าใดของพวกเขาที่ขายได้จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องขยายระยะการลองผิดลองถูกอีกต่อไป เพราะสามารถเจาะไปที่สินค้า หรือบริการที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบ และโฟกัสการขาย และการตลาดไปตรงนั้นได้เลย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ไม่ต้องสต็อกสินค้าที่มีความต้องการต่ำอีกด้วย

2. ให้ความเชื่อมั่นกับแบรนด์ที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ความเชื่อมั่น อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับบริษัทใหญ่ที่มีการรับรู้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับแบรนด์ที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียว โดยข้อมูลที่ได้จาก Big Data ช่วยให้คุณคาดการณ์ได้ว่า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนลางสังหรณ์ หรือความรู้สึก และไอเดียของคุณ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่คุณไม่เคยลองทำมาก่อน

3. เพิ่มยอดขายด้วยการใช้ราคาที่เหมาะสม มีกลยุทธ์มากมายที่คุณสามารถใช้ในการกำหนดนโยบายราคาที่เหมาะสมของสินค้าของคุณ โดยสูตรทั่วไป คือ การคำนวณต้นทุนการผลิต บวกด้วยกำไร 10% แต่น่าเสียดายที่สูตรเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับทางออนไลน์อีกแล้ว โดย Big Data จะช่วยคุณในการปรับราคาได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่แค่เรียนรู้ว่าผู้บริโภคของคุณยินดีที่จะจ่ายเท่าไหร่ ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น ราคาของคู่แข่ง, ความต้องการของสินค้า, สถานะของอุตสาหกรรม ฯลฯ

4. ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของแคมเปญการตลาดของคุณ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยการันตีความสำเร็จทางการตลาดของคุณได้ แต่คุณไม่สามารถไว้ใจเครื่องมือเหล่านั้นได้เหมือนการตลาดที่ใช้ Big Data ซึ่งสามารถชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบที่จะทำให้แคมเปญนั้นได้ผลดี และแง่มุมที่จะทำให้ล้มเหลว ช่วยให้คุณได้เรียนรู้ความผิดพลาดของคู่แข่ง คุณจะได้ไม่ต้องทำผิดพลาดซ้ำอีกต่อไป

การวิเคราะห์การตลาดด้วย Big Data จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น เพราะมันจะรายละเอียดครบทุกซอกทุกมุม และวาดภาพที่สมบูรณ์แบบให้คุณอย่างแท้จริง

 

ประเภทของ Big Data สำหรับนักการตลาด

ข้อมูลของ Big Data ทั่วไป สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก 

  • ข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน (Structured Data) เป็นข้อมูลที่มาพร้อมกับพารามิเตอร์ของตัวเองอยู่แล้ว โดยมีการจัดระเบียบไว้ล่วงหน้า และใช้แค่การบันทึก และวิเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่จะรวมแพลตฟอร์ม Big Data เข้ากับบริการ Lead Distribution (การส่งต่อ Lead ให้กับพนักงานขาย) ที่มีอยู่แล้วเดิม จะได้รับประโยชน์จากความเร็วที่เพิ่มขึ้น และการวิเคราะห์ที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าข้อมูลทุกส่วนมีการแบ่งประเภทอยู่แล้ว เช่น ชื่อ, อายุ, ประเทศ ฯลฯ

  • ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง คือ ข้อมูลที่ต้องการมีการแบ่งประเภท และต้องจัดการให้สอดคล้องกัน ซึ่งส่วนใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูล หรือสื่อต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น การใช้ Big Data เพื่อวิเคราะห์ User-generated Content หรือ คอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้บริโภค ซึ่งข้อมูลนี้จะมาจากหลายแหล่ง (เว็บไซต์รีวิว, โซเชียล มีเดีย ฯลฯ) และจากสื่อต่าง ๆ (ข้อความ, รูปภาพ, คลิปวิดิโอสั้น, การตอบกลับแชท)

 

ทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน (Structured Data) และข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) สามารถจัดแบ่งประเภทย่อย ๆ เพิ่มเติมได้ ซึ่งมาในหลากหลายในรูปแบบเช่นกัน โดยมีประเภทของข้อมูล 3 ประเภทที่คุณต้องจัดลำดับความสำคัญ นั่นก็คือ

ข้อมูลลูกค้า (Customer Data)

ข้อมูลลูกค้า เป็นข้อมูลที่จะช่วยให้นักการตลาดรู้จักลูกค้าของพวกเขาได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของชื่อ, อีเมล, อายุ, สถานที่, กิจกรรมออนไลน์ และประวัติการสั่งซื้อ อีกไอเดียที่ดีก็คือ การรวบรวมข้อมูลที่จะกำหนดบุคลิกภาพของพวกเขา เช่น กิจกรรมบนโซเชียล มีเดีย, คำตอบจากแบบสอบถาม ฯลฯ
 

ข้อมูลการเงิน (Financial Data)

ข้อมูลการเงิน คือ ข้อมูลที่ช่วยให้นักการตลาดวิเคราะห์จำนวนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ เช่น จำนวนด้านการขาย และการตลาด (ทั้งของคุณ และคู่แข่งของคุณ), ต้นทุนแคมเปญ, รายได้ที่เกี่ยวข้องกับแคมเปิญเปิดตัว ฯลฯ


ข้อมูลเชิงปฏิบัติการ (Operational Data)

คุณต้องรวมข้อมูลเชิงปฏิบัติการที่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจทั้งด้านการขาย และการตลาด เช่น โลจิสติกส์, แพลตฟอร์มออนไลน์, ซอฟต์แวร์ Tracking ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน, ระบบ Customer Relationship Management ฯลฯ


แน่นอนว่ายังมีข้อมูลประเภทอื่น ๆ ที่คุณสามารถรวบรวม, จัดการและวิเคราะห์ได้ แต่ข้อมูล 3 ประเภทนี้เป็นทางเลือกในอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณมีเวลาและทรัพยากรที่จำกัด

 

ประโยชน์ของการใช้ Big Data

  • พัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า เมื่อคุณได้รู้เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายทางประชากรศาสตร์มากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นได้มากเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียที่ใช้ Big Data และ AI เพื่อวิเคราะห์ความชอบของผู้ใช้งาน และแสดงเฉพาะโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา

ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเห็นโฆษณาที่ไม่ได้มี Value กับพวกเขา ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินบนโซเชียล มีเดียมากขึ้น

อีกตัวอย่างที่ดี ก็คือ การที่ร้านค้าออนไลน์จดจำได้ว่า สินค้า หรือบริการอะไรที่ลูกค้าประจำของพวกเขาซื้อ และด้วยวิธีนี้ ลูกค้าไม่จำเป็นที่ต้องเดินหาในร้านค้าอีกต่อไป ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลา และเพิ่มยอดขายได้

  • เพิ่มชื่อเสียง และการรับรู้ของแบรนด์ Big Data ยังสนับสนุนการทำการตลาด สุดท้ายแล้ว ชื่อเสียงของแบรนด์ และการรู้จักแบรนด์ก็เพิ่มขึ้นด้วยประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมให้เกิด User-generated content ผ่านการรีวิวออนไลน์เชิงบวก สถิติล่าสุดชี้ให้เห็นว่า 91% ของผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่เชื่อถือรีวิวออนไลน์มากพอ ๆ กับคำแนะนำส่วนตัวที่มาจากเพื่อน หรือครอบครัว

  • ารได้ลูกค้าใหม่มากขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ Big Data มีความสำคัญ คือ ทำให้การหาลูกค้าใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก คุณรู้อยู่แล้วว่าลูกค้าของคุณคิด และรู้สึกอย่างไร และคุณก็จะรู้ทางลัดของการใช้ Call-to-action ที่จะกระตุ้นการตัดสินใจในการดึงดูดพวกเขาโดยตรง

  • ประหยัดได้มาก เมื่อพูดถึงเส้นทางลัด คุณจะคิดได้ว่า คุณจะประหยัดต้นทุนด้านการขาย และการตลาดได้มากแค่ไหน หากคุณเดาภาพต่าง ๆ ออก โดยยิ่งไปกว่านั้น เมื่อความต้องการในการวิเคราะห์ Big Data เพิ่มขึ้น การเข้าถึงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ความท้าทายของการตลาด Big Data

ถึงแม้ว่า  Big Data จะมีข้อดีมากมายต่อธุรกิจ แต่ก็ยังคงมีปัญหาของตัวมันเองอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนทั่วไปจะมีความกังวล หรือกลัวในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง

ลองมาดูผลของการใช้  Big data ที่คุณควรระวัง

  • เปิดโอกาสให้มีการใช้ข้อมูลส่วนตัวในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นผู้บริโภคทั่วไป, นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ ไม่มีใครชอบให้ข้อมูลของตนเองถูกขายไปโดยไม่ยินยอม

    มีรายงานว่า มีการขายข้อมูลดิจิทัลของผู้บริโภคให้กับบริษัทต่าง ๆ และที่แย่ไปกว่านั้น คือ บางองค์กรได้พยายามมองหาโปรไฟล์ และเลือกปฏิบัติกับผู้คน

  • แสดงถึงความเสี่ยงจากความมั่นคงปลอดภัยที่แท้จริง คุณอาจจะคิดว่า คุณไม่มีวันขายข้อมูลของลูกค้าโดยเด็ดขาด แต่ถ้าคุณไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ก็อาจตกเป็นเป้าหมายของผู้ที่มีเจตนาไม่ดี ที่อาจนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิดได้ โดยการละเมิดข้อมูลเพียงครั้งเดียวอาจนำไปสู่การขโมยตัวตน หรือการโดนคนร้ายสวมรอยเป็นคุณ รวมถึงการแบล็คเมล์ นั่นเป็นเหตุผลว่า คุณควรเลือกวิธีการจัดการ และแปลงข้อมูลอย่างระมัดระวัง

  • สามารถทำลายชื่อเสียงของคุณได้ มีหลายคนที่รู้สึกไม่สบายใจกับบริษัทที่ใช้ข้อมูลพวกเขาในการค้นหาจุดอ่อนของพวกเขาเพื่อเพิ่มยอดขาย และพัฒนาแคมเปญการตลาด ซึ่งการขาดความเข้าใจจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่า Big Data เป็นรูปแบบหนึ่งของ “การจัดการ” ทางดิจิทัล โดยไม่ได้คิดว่า ศิลปะของการทำการตลาด ขึ้นอยู่กับคุณค่าเหล่านี้ ซึ่งแคมเปญการตลาดที่ทำอย่างถูกต้องสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนได้ โดยทำให้พวกเขารู้จักสินค้า และบริการที่พวกเขาจะพึงพอใจตั้งแต่แรก

  • มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีหลายเคสที่แม้แต่แพลตฟอร์ม Big Data ก็ยังทำผิดพลาดได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาของระบบ หรือแม้แต่การโจมตีจากคู่แข่ง และท้ายที่สุดแล้ว การพึ่งพา Big Data มากเกินไป ก็อาจจะทำให้แคมเปญการขาย และการตลาดเสียหายอย่างร้ายแรงได้

 

โดยในปัจจุบัน ก็ได้มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เข้ามาดูแลการใช้งาน Big Data เพื่อให้มีความปลอดภัย และบริษัทต่าง ๆ ต้องนำมาใช้อย่างมีความรับผิดชอบ ยกตัวอย่าง การให้ทางเลือกแก่ผู้เข้าชมออนไลน์ ว่าจะยอมรับคุกกี้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญสู่อนาคตของโลกดิจิทัลสำหรับทุกคน ยิ่งผู้คนไว้วางใจในเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น

 

อนาคตของ Big Data

  • แพลตฟอร์ม และบริการด้าน Big Data กำลังจะเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ยิ่งความต้องการสูงขึ้น การแข่งขันก็จะยิ่งดุเดือดมากขึ้น และดึงราคาของบริการด้าน Big Data ลงมา จนถึงจุดที่เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น บริการ CRM ของ HubSpot ที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
  • ปริมาณของข้อมูลที่รวบรวม และต้องบริหารจัดการจะเพิ่มขึ้น ในอนาคตอันใกล้ ข้อมูลที่จัดเก็บไว้ส่วนใหญ่จะถูกย้ายไปยัง Cloud และในทุกวันนี้ เราสามารถคาดหวังได้ว่า ข้อมูลนั้นจะถูกย้ายไปยัง Cloud ในท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเนื่องมาจากข้อจำกัดที่ทำให้พื้นที่ของฮาร์ดแวร์ไม่เพียงพอ
  • การบูรณาการในด้าน AI จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับการพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น เมื่อปริมาณของข้อมูลที่ต้องจัดการมีเพิ่มขึ้น คุณสามารถคาดหวังให้ AI ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นได้ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้มีการใช้ AI ในระบบ จะรู้สึกถึงความจำเป็น เนื่องจากมีจำนวนของข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งพวกเขาต้องจัดการ และวิเคราะห์ โดยเป็นจุดแข็งที่ AI เท่านั้นที่สามารถทำให้ได้ในตอนนี้

  • ความต้องการ Data Scientist และผู้เชี่ยวชาญ จะเพิ่มมากขึ้น อุตสาหกรรมต่าง ๆ จะต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และความรู้มากขึ้น ที่จะจัดการ และออกแบบแพลตฟอร์มที่ใหญ่ และดีขึ้น

  • ความเป็นส่วนตัวจะยังเป็นปัญหาที่มีอยู่ต่อไป การเก็บรวบรวมข้อมูลจะอยู่ในทุกที่ โดยการไม่เปิดเผยตัวตนบนดิจิทัลจะเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น คุณสามารถคาดหวังได้ว่า การเรียกร้องให้ใช้เทคโนโลยีนี้อย่างมีความรับผิดชอบจะมีมากขึ้น เมื่อผู้คนยิ่งใช้งานมากขึ้น

  • กฎระเบียบจะมีความรัดกุมมากขึ้น คุณสามารถคาดหวังได้ว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนี้ จะเข้มงวดมากขึ้น เพื่อพยายามทำให้ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในสาธารณะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป การยินยอมที่เหมาะสมจะทำให้มั่นใจได้ว่า คุณยังคงได้รับประโยชน์จาก Big Data โดยไม่มีปฏิกิริยาเชิงลบจากสาธารณะ


แต่ทั้งนี้ การจะใช้ Big Data ให้ได้ประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องมีกลยุทธ์วางแผนการใช้งานเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายต่าง ๆ ที่องค์กรวางไว้ เนื่องจาก ข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้สามารถทำงานได้ด้วยตนเองแบบ 100% คุณต้องเลือกว่าจะใช้ข้อมูลส่วนไหนที่จะนำไปวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ธุรกิจต้องการ และที่สำคัญ การใช้งาน Big Data นี้ ก็ยังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณก็ต้องปรับตัวตามให้ทันอยู่เสมอ

Source : litextension

 

บทความที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ

BIG DATA คืออะไร นำมาประยุกต์ใช้กับ DIGITAL MARKETING ได้หรือไม่