Digital Blog - Ourgreenfish

Personalization & Contextualization กลยุทธ์การตลาดที่เปลี่ยนเกมปี 2025

เขียนโดย OURGREENFISH TEAM - 17 มี.ค. 2025, 9:00:00

การตลาดแบบเดิมที่ใช้ข้อความเดียวกันสำหรับทุกคนเริ่มล้าสมัย Personalization (การตลาดแบบเฉพาะบุคคล) และ Contextualization (การตลาดตามบริบท) กลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงใจ และสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายมากขึ้น

ปี 2025 เป็นปีที่การทำ Personalization และ Contextualization พัฒนาไปอีกขั้น โดยการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), บิ๊กดาต้า (Big Data) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อสร้างการตลาดที่สามารถเข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้งและปรับเปลี่ยนเนื้อหาตามพฤติกรรมแบบเรียลไทม์

Personalization : การตลาดเฉพาะบุคคลที่ไปไกลกว่าชื่อและอีเมล

  • การตลาดแบบ Hyper-Personalization
    ในปี 2025 แบรนด์ไม่ได้แค่ใช้ชื่อของลูกค้าในอีเมลหรือแนะนำสินค้าเท่านั้น แต่ไปไกลถึงระดับ Hyper-Personalization ซึ่งใช้ AI และ Machine Learning วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ เพื่อคาดการณ์สิ่งที่พวกเขาต้องการก่อนที่ลูกค้าจะรู้ตัวเสียอีก

เช่น Amazon และ Netflix ใช้อัลกอริทึมวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อแนะนำสินค้าและคอนเทนต์ที่ตรงใจ ซึ่งกว่า 35% ของยอดขาย Amazon และ 75% ของเนื้อหาที่ผู้ใช้ Netflix รับชม มาจากระบบแนะนำเฉพาะบุคคล

  • การทำ Personalization ในทุกช่องทาง (Omnichannel Personalization)
    ลูกค้าในปี 2025 คาดหวังประสบการณ์ที่สอดคล้องกันไม่ว่าพวกเขาจะโต้ตอบกับแบรนด์ผ่านเว็บไซต์ แอปมือถือ หรือหน้าร้าน การตลาดแบบ Omnichannel Personalization ทำให้การส่งสารมีความสอดคล้องกัน

เช่น Starbucks ใช้ข้อมูลจากแอปมือถือ วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า และเสนอโปรโมชันที่ตรงกับเครื่องดื่มโปรด หรือ Apple Music และ Spotify แนะนำเพลย์ลิสต์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการฟังของแต่ละคน

  • AI-Generated Personalization
    การใช้ Generative AI ในการตลาดทำให้สามารถสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลแบบอัตโนมัติ เช่น AI สามารถสร้างโฆษณาที่เปลี่ยนรูปภาพหรือข้อความตามบุคคลที่รับชมได้

เช่น Meta (Facebook) ใช้ AI สร้างโฆษณาแบบ Dynamic Creative Optimization (DCO) ที่สามารถเปลี่ยนองค์ประกอบของโฆษณาตามพฤติกรรมของแต่ละบุคคลแบบอัตโนมัติ

Contextualization : การตลาดที่ส่งข้อความถูกที่ ถูกเวลา ถูกบริบท

Personalization เป็นการรู้จักลูกค้าแต่ละคน แต่ Contextualization เป็นการเข้าใจว่าลูกค้าอยู่ในสถานการณ์ใดและต้องการอะไร ณ ขณะนั้น

  • Contextual Advertising โฆษณาตามบริบทแทนการติดตามพฤติกรรม
หลังจากที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง GDPR และ CCPA มีผลบังคับใช้ การใช้คุกกี้บุคคลที่สามลดลง แบรนด์หันมาใช้โฆษณาตามบริบทมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น Google และ YouTube ใช้ AI วิเคราะห์เนื้อหาบนหน้าเว็บหรือวิดีโอ แล้วแสดงโฆษณาที่ตรงกับบริบท เช่น หากมีคนกำลังดูวิดีโอเกี่ยวกับการเดินทาง AI จะเลือกโฆษณาเกี่ยวกับโรงแรมหรือสายการบินโดยอัตโนมัติ

  • Location-Based Marketing การตลาดตามสถานที่
แบรนด์สามารถใช้ Geofencing และ GPS เพื่อส่งข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ของลูกค้า ตัวอย่างเช่น Burger King เคยใช้แคมเปญ Whopper Detour ที่ส่งคูปองส่วนลดให้ลูกค้าที่เข้าใกล้ร้าน McDonald’s กระตุ้นให้ลูกค้าหันไปซื้อที่ Burger King แทน

การตลาดตามช่วงเวลาและเหตุการณ์ Contextualization ยังหมายถึงการส่งสารที่ตรงกับช่วงเวลา เช่น Starbucks อาจส่งโปรโมชันเครื่องดื่มร้อนในช่วงเช้า หรือ Nike อาจโฆษณาชุดออกกำลังกายในช่วงต้นปีที่คนมักตั้งเป้าหมายฟิตหุ่น

กรณีศึกษาของแบรนด์ที่ใช้ Personalization และ Contextualization ได้อย่างยอดเยี่ยม

  1. Amazon
    • ใช้อัลกอริทึมแนะนำสินค้าส่วนบุคคลที่ช่วยเพิ่มยอดขายถึง 35%
    • ส่งอีเมลแจ้งเตือนเมื่อสินค้าที่ลูกค้าเคยดูมีโปรโมชัน
  2. Spotify
    • เพลย์ลิสต์ "Discover Weekly" ที่แนะนำเพลงตามพฤติกรรมการฟังของแต่ละบุคคล
    • Spotify Wrapped ที่สรุปพฤติกรรมการฟังของลูกค้าแต่ละคนในรอบปี
  3. Starbucks
    • ใช้แอปมือถือวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและเสนอโปรโมชั่นที่เฉพาะบุคคล
    • มอบรางวัลพิเศษตามความถี่ในการซื้อของลูกค้า
  4. Burger King
    • ใช้ Geofencing เพื่อดึงลูกค้าจากคู่แข่งโดยส่งคูปองส่วนลด Whopper ให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้ร้าน McDonald's
  5. Netflix
    • ระบบแนะนำคอนเทนต์ที่ขับเคลื่อนโดย AI ทำให้ 75% ของสิ่งที่ผู้ใช้รับชมมาจากคำแนะนำส่วนบุคคล

Personalization + Contextualization = การตลาดแห่งอนาคต

ธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างและเติบโตในปี 2025 ต้องใช้ทั้ง Personalization และ Contextualization ควบคู่กัน

  • Personalization ทำให้แบรนด์เข้าใจและสื่อสารกับลูกค้าในระดับบุคคล
  • Contextualization ทำให้แบรนด์สามารถส่งสารที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม

เมื่อนำสองสิ่งนี้มาผสานกัน ธุรกิจสามารถ เพิ่มอัตรา Conversion, ลดต้นทุนโฆษณา และสร้าง Brand Loyalty ได้อย่างมหาศาล โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าจำนวนมาก

อ้างอิง : 

  • HubSpot Blog. (2024). "How to Identify and Overcome Ad Fatigue." Retrieved from blog.hubspot.com
  • Marpipe. (2024). "Ad Fatigue: How to Identify and Fix It." Retrieved from marpipe.com
  • Funnel.io. (2024). "What is Ad Fatigue and How to Avoid It?" Retrieved from funnel.io
  • Statista Research Department. (2024). "Personalization in Marketing Trends 2025." Retrieved from

    statista.com

อ่านบทความเพิ่มเติม :

ทำการตลาดแบบรู้ใจกลุ่มเป้าหมายด้วย PERSONALIZATION MARKETING

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com