ในยุคของ Business Transformation แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็จำเป็นต้องปรับตัว บทความนี้คุณจะได้รู้ถึงเทคนิคที่ใช้ได้ผลมาแล้ว
1. รวบรวมไอเดียจากทีมของคุณ
ในปี 2009 รายได้ของบริษัท Suzanne Bates’ Wellesley ผู้ให้คำปรึกษาด้านการบริหารงานแบบ Mass-based ลดลงจากภาวะถดถอยเป็นเงินกว่า 600,000 เหรียญสหรัฐฯ CEO ของบริษัทจึงหันหน้าเข้าหาพนักงานเพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ไข ทีมงานกว่า 10 คนของ Bates Communications ระดมความคิดเพื่อให้การบริการการฝึกสอนมีความเกี่ยวเนื่องกับลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในธุรกิจมากขึ้น โค้ชของ Bates เข้าหาลูกค้าทุกช่องทางที่มีอยู่ในมือตั้งแต่การใช้อีเมลรายสัปดาห์ไปจนถึงออกไปพบปะเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวัน หรือแม้กระทั่งการส่งบทความเกี่ยวกับสภาวะความเป็นผู้นำ
นอกจากนี้บริษัทยังมีปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการ เช่น ปรับราคาคอร์สถูกลง เพิ่มรูปแบบการโค้ชชิ่งให้หลากหลาย อย่างการสัมมนาทางโทรศัพท์ในราคา $25 และการโค้ชแบบกลุ่ม ตามมาด้วยการมองหาและเจาะตลาดกลุ่มล่างเป็นบริษัทเล็กๆ เพื่อเพิ่ม Market share และในท้ายที่สุดผลจากความพยายามในครั้งนี้ของบริษัท Suzanne Bates’ Wellesley ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อบริษัทสามารถทำรายได้รวมสิ้นปีไปได้ถึง 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2010 เพิ่มขึ้นจากเดิมเกือบเท่าตัว
4 ปัจจัยชี้เป็นชี้ตายในการทำ BUSINESS TRANSFORMATION SUCCESS นั้นมีอะไรบ้าง
2. วิเคราะห์ข้อมูลการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากที่มองเห็นว่าการขายผ่านเว็บไซต์ตัวเองมีแนวโน้มลดลง บริษัทผลิตน้ำหอมซึ่งตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์กอย่าง Tuccini Corp จึงตัดสินใจโฟกัสไปที่การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์คนกลางอย่าง Amazon ผู้ก่อตั้ง Nick Uresin ได้รวบรวมข้อมูลและทดลองข้อมูลด้านราคา 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลากว่า 5 เดือนเพื่อหาว่าจะปรับราคาอย่างไรและเวลาใดที่มีผลต่อการขาย ตัวอย่างเช่น เขาเรียนรู้ว่าการปรับราคาสินค้าช่วง 6 โมงเย็นจะช่วยให้มีออเดอร์เข้ามามากกว่าตอนบ่าย 2 โมง
จากการใช้งานข้อมูลนี้เองที่นำไปสู่การสร้างโปรแกรมที่ใช้ในการติดตามการขายและปรับราคาสินค้าแบบอัตโนมัติ ใน 4 ปีที่ผ่านมา Nick ยังได้ทำการพัฒนาโปรแกรมเพิ่มเพื่อใช้ในการมอนิเตอร์ว่าคำสั่งซื้อมาจากที่ใด และเมื่อรวมโปรแกรมทั้งสองเข้าด้วยกันก็จะสามารถช่วยพัฒนาการขขายและการซื้อขอ Tuccini Corp. ได้อย่างมาก ในปี 2010 บริษัท Tuccini ทำกำไรสิ้นปีที่ 3.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 2 เท่าเมื่อเทียบจากปีที่แล้วและยังสามารถปลดหนี้ของบริษัทได้อีกด้วย
3. ย้ายทรัพยากรมาอยู่ในที่ที่สร้างประโยชน์ได้
ในปี 2009 บริษัทที่ปรึกษากลยุทธ์ด้านแบรนด์สินค้า Parker LePla มีกำไรลดลงจากเดิม 15% หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Lynn Parker จึงระงับโบนัสพนักงานและนำเงินจำนวนนั้นไปลงทุนทางด้านโฆษณาและสร้างแผนกใหม่ขึ้นเพื่อเน้นไปที่การทำ ดิจิตอลแบรนดิ้ง เพื่อขยายฐานลูกค้า และแผนกใหม่นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของต่อยอดธุรกิจใหม่ที่สร้างกำไรสุทธิได้เพิ่มึ้นถึง 30% มีกำไรสิ้นปี 2010 ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. ปรับปรุงโครงสร้างราคา
เมื่อบริษัท Great Neck ตัวแทนดำเนินการประมูลของภาครัฐที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ยุติการสมัครสมาชิกแบบรายปีเพื่อใช้ในการเข้าดูรายชื่อการประมูลของรัฐบาล พวกเขาก็เริ่มชนะใจและสามารถดึงลูกค้ากลับมาได้ โดยรูปแบบการคิดราคาใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการทดลองใช้งานฟรี 3 วัน โดยมีเพียงค่าบริการรายเดือนเท่านั้น ซึ่งนี้ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องราคา
ในปัจจุบันผู้คนกว่า 60% ที่ทดลองใช้งานฟรี 3 เดือนเลือกที่จะสมัครสมาชิกแบบรายดือน และโมเดลราคาแบบใหม่นี้ก็สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าแบบเดิมถึง 6 เท่าจากลูกค้าแต่ละราย ในปี 2010 บริษัทสร้างกำไรได้มากกว่า 930,000 เหรียญสหรัฐฯ มากกว่าเดิมถึง 58%
5. ตรวจสอบโมเดลธุรกิจของคุณอีกครั้ง
ผู้ก่อตั้งบริษัท HuePhoria LLC คือหนึ่งในบริษัทที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบธุรกิจของตัวเอง หลังจากกำไรลดลงในปี 2009 บริษัทจึงได้มีการปรับรูปแบบการขายของตัวเองโดยการจับมือกับร้านค้ารายย่อยและให้บริการขายสินค้าแบบ on demand รูปแบบใหม่คือ การทำ Drop shipping นั้นคือการที่ร้านค้าหรือบุคคลธรรมดาเป็นหน้าร้านให้กับบริษัท และทำหน้าที่ในการโฆษณาขายสินค้า เมื่อมีคำสั้งซื้อเข้ามาบริษัทก็จะทำการส่งสินค้าไปยังลูกค้าที่สั่งซื้อโดย กำไรก็จะถูกแบ่งให้กับหน้าร้านตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้
ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 72% ในไตรมาสแรกของปี 2011 เพื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ก่อนจะทำกำไรทั้งหมดในปี 2011 ไปได้ถึง 300,000 เหรียญสหรัฐฯ
สามารถติดตามข่าวสารจาก Ourgreenfish ได้ที่ Facebook และ Twitter
Cr. entrepreneur.com, 123rf.com, healthandlife.com.au, seefeelchange.com
No Comments